ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ภาพมุมกว้างที่พิมพ์ประกอบนี้มองจากวัดบางกะจะ ย่านสำเภาล่ม (ต่อเนื่องถึงบริเวณเวียงเหล็กของพระเจ้าอู่ทองในตำนาน) ฝั่งตรงข้ามวัดพนัญเชิง
ถ้าย้อนกลับยุคอยุธยาแม่น้ำบริเวณนี้กว้างขวาง มีเรือแพนาวานานาชาติจอดแน่นขนัดขนถ่ายสินค้า จึงมีคำบอกเล่าเรื่องสำเภาล่ม
ถ้าจัดจุดมองจากมุมนี้ ที่ท่าน้ำหน้าวัดบางกะจะ แล้วเห็นอย่างภาพถ่ายนี้ โดยมีแท่นตั้งแผ่นคำอธิบายอยู่ข้างหน้า ก้มอ่านได้ แล้วเงยหน้ามองภูมิสถานของจริงโดยรอบ น่าจะมีประโยชน์มาก แล้วดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้แสวงหาความรู้ไปยืนมองตรงจุดนี้
พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่บนเกาะหนองโสน มีแม่น้ำล้อมรอบ เกาะนั้นมีสัณฐานคล้ายรูปสำเภานาวา ข้างหัวสำเภาอยู่ทิศตะวันออก ส่วนข้างท้ายสำเภาหรือท้ายเภตราอยู่ทิศตะวันตก
[สรุปจากคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม (เอกสารจากหอหลวง) กับหนังสืออธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา (ภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา) สอดคล้องกับเพลงยาวนิราศ ของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (ใน ร.1) ที่บรรยายความทรงจำลักษณะพระนครศรีอยุธยาว่า “บริเวณอื้ออลด้วยชลธี ประดุจเกาะอสุรีลงกา”]
หัวสำเภา ภาษาปากยุคอยุธยาเรียก หัวสาระภา เป็นย่านการค้าของชาวจีนตั้งแต่ป้อมเพชร มีตลาดใหญ่ (ย่านในไก่) ต่อเนื่องตลาดน้อย จนถึงวัดสุวรรณดาราราม (วัดทอง) ซึ่งเป็นหลักแหล่งดั้งเดิมของ ร.1 ต้นราชวงศ์จักรี มีบรรพชนชื่อทอง
หน่วยงานทางวัฒนธรรมยังไงเขาก็ไม่ทำคำอธิบายและจุดมุมมองเหล่านี้ เพราะพูดกันมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่มีขยับเขยื้อน มีแต่กระตือรือร้นเอาเวลาและงบประมาณทั้งหมดจัดอีเวนต์ปลูกผักชีริมคลองข้างทำเนียบ
กระทรวงท่องเที่ยวร่วมกับท้องถิ่นอยุธยาน่าจะทำเองได้ ไม่ยาก ที่ยากคือจะหาวิธีร่วมกันทำงานสำเร็จได้ยังไง?