พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : แนวทาง การทูต แปรศัสตรา เป็นแพรพรรณ ยื่นเมือง แลกคน

ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยงป๋อกับจางเหลียงเป็นความสัมพันธ์ที่ดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างยอกย้อน

เนื่องจากคนหนึ่งอยู่ในตระกูล “เซี่ยง” เป็น “คนฌ้อ”

เนื่องจากอีกคนหนึ่งอยู่ในตระกูล “จาง” เป็นคน “หาน” และ ณ วันนี้ทำ

งานใกล้ชิดกับ “ฮั่นอ๋อง”

ADVERTISMENT

เมื่อได้รับสารเซี่ยงป๋อก็เขียนตอบไปยังจางเหลียง

“รักกันมานาน ใจคิดถึงกันไม่ขาดวัน ได้รับหนังสือไว้คงจะทำตามซึ่ง

ADVERTISMENT

ขอให้เลิกทัพนั้นจงคิดให้ดีกันทั้งสองฝ่ายไทก๋งอยู่ข้างเรา เราให้การรักษาดูแลอยู่เช้าเย็น อย่าวิตกไปเลย

ถ้าไม่ถอยทัพกลับไปจะได้พระบิดาคืนเราจะแก้ไขไว้เวลาสัก 1-2 เวลา

บัดนี้ขุนนางทั้งปวงก็ทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าให้ฆ่าไทก๋งเสีย กลัวพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะโกรธขึ้นจะทำอันตรายแก่ไทก๋ง

ท่านจงเร่งคิดการโดยเร็ว”

จางเหลียงแจ้งความในหนังสือก็ยินดี ขณะเดียวกัน การข้างพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็คับ

ขันอย่างยิ่ง การดำเนินไปเหมือนที่เซี่ยงป๋อแจ้งไป

เหตุเพราะมีขุนนางบางส่วนต้องการกดดันฮั่นอ๋อง

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนน้ำหยดลงหิน หินก็ย่อมกร่อน ในที่สุด พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็เห็นชอบ เคลื่อนทัพประชิดหน้าค่ายทัพฮั่น

ยกกระทะน้ำมันตั้งบนกองเพลิง มัดไทก๋งไว้ริมกระทะ

บัญชาการให้เหล่าทัพไปตะโกนดังกึกก้อง “ถ้าไม่ถอยทัพไปจะเอาไทก๋งทอดน้ำมัน”

เป็นที่น่าหวาดหวั่น

นี่ย่อมเป็นสถานการณ์ที่เซียงป๋อยากจะทัดทานได้ เท่ากับเป็นการประจันหน้าในความร้อนแรง

ยิ่งน้ำมันร้อนแรง ใจของฮั่นอ๋องยิ่งปั่นป่วน

จำเป็นที่พระเจ้าฮั่นอ๋องต้องออกมาหน้าค่ายกล่าวต่อฌ้อปาอ๋อง “เมื่อเป็นข้าพระเจ้าเงียวเต้ด้วยกัน ได้สาบานเป็นพี่น้องกัน บิดาเราก็เหมือนบิดาฌ้อปาอ๋อง

ถ้าจะฆ่าบิดาเราจะขอเนื้อสักชิ้นหนึ่งพอให้เป็นแกล้มกับสุรา”

ได้ฟังดังนั้น พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็โกรธ สั่งทหารให้เอาไทก๋งลงโทษในกระทะน้ำมันเสีย

เซี่ยงป๋อจึงทูล

“ได้ยินคำโบราณถ้าผู้ใดคิดการจะตั้งตัวเป็นกษัตริย์ไม่มีอาลัยแก่ลูกเมีย ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเงียวเต้มีชายชื่อมีบุตรชื่ออู

เงียวเต้ให้ไปขุดคลองแบ่งน้ำลงทะเล

แต่มีผู้ทูลยุยงเงียวเต้ว่าขุนนางชื่อเฮข่มเหงราษฎร เงียวเต้ให้ฆ่าเสีย จึงให้อูผู้บุตรของเฮไปขุดคลองลึก

3 ปีจึงสำเร็จ ไต้อูผู้นั้นก็ได้เป็นกษัตริย์ทรงพระนามพระเจ้าอูเต้”

ถามว่าเหตุผลใดทำให้เซี่ยงป๋อยกกรณีของเฮและอูมาเป็นตัวอย่าง เสนอให้ฌ้อปาอ๋องนำไปขบคิด

1 เพราะ 3 ปีของอูนั้นสร้างความสะเทือนใจ

1 เพราะความสะเทือนใจมิได้มีแต่พระเจ้าเงียวเต้
เท่านั้น หากแต่ยังเป็นความสะเทือนใจในหมู่ราษฎร

เนื่องจากอูไม่ยอมเข้าบ้าน แม้ต้องเดินผ่านหน้าบ้าน

“บัดนี้ไต้อ๋องกับฮั่นอ๋องชิงสมบัติกัน ไต้อ๋องได้ไทก๋งไว้ถึง 3 ปี ฮั่นอ๋องก็ไม่มีอาลัยถึงบิดาด้วยหมายแต่จะชิงสมบัติเป็นการใหญ่

ซึ่งไต้อ๋องจะฆ่าไทก๋งเสียนั้นพิเคราะห์ไปเห็นคนทั้งปวงจะหัวเราะ

เพราะเห็นว่าไต้อ๋องสิ้นความคิดสู้ฮั่นอ๋องมิได้จึงแกล้งฆ่าบิดาเสีย ขอเชิญเสด็จไปค่ายคิดการแก้แค้นอย่างอื่นจึงจะชอบ ถ้าจะทำโทษแก่คนชราดังนี้จะลือทั้งประเทศว่าไต้อ๋องใจเบาเชื่อแต่คนยุยงหาควรไม่”

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังก็เห็นชอบ สั่งเลิกทัพหิ้วไทก๋งกลับเข้าค่าย

มีความนัยอันไม่ควรมองข้ามย่อมสัมผัสได้ในท่าทีและท่วงทำนองของฮั่นอ๋องเบื้องหน้าบิดาที่ถูกมัดไว้เหนือกระทะน้ำมัน

1 ทำกิริยาเป็นไม่มีอาลัย

ขณะเดียวกัน 1 เป็นกิริยาอันมาพร้อมกับข้อต่อรอง “ถ้าจะฆ่าบิดาเรา

จะขอเนื้อสักชิ้นหนึ่งพอได้เป็นแกล้มกับสุรา”

ว่าแล้วก็หัวเราะ

นี่ย่อมเป็นท่าทีเลือดเย็นอย่างยิ่ง ไม่ยี่หระอย่างยิ่ง นี่คอภาพของเล่า

ปังอันเจนตาอย่างยิ่งตั้งแต่เป็นหนุ่มเสเพลแห่งเสียวเพ่ย

ต้องยอมรับว่าสอดรับกับอารมณ์ในแบบของอูบุตรแห่งเฮ

เพียงแต่อูผ่านหน้าบ้านก็ไม่ยอมเข้าเพราะปักใจอยู่กับการขุดคลองต่อ

เนื่องเป็นเวลา 3 ปี ขณะที่ 3 ปีของฮั่นอ๋องคือบิดาอยู่ในกำมือของฌ้อปาอ๋อง

แล้วความเป็นจริงที่ดำรงอยู่เป็นอย่างไร

พระเจ้าฮั่นอ๋องมีความวิตกนักจึงให้หา จางเหลียง ตันแผง มาปรึกษา

เริ่มจาก “พระบิดาเราแม้จะรอดชีวิตไปวันนี้ วันหน้าก็คงจะตายในวันหนึ่ง

เรามิเป็นคนอกตัญญูหรือ

คิดจะใคร่แบ่งอาณาเขตให้ฌ้อครึ่งหนึ่งจะให้ส่งบิดาเรา ท่านจะเห็นประการใด”

ท่าทีของจางเหลียงเป็นอย่างไร

จางเหลียงทูลว่า “ครั้งนี้ฌ้อปาอ๋องทำศึกเสียที เสบียงอาหารก็ขัดสนลงคงจะเป็นไมตรีถ้าหานคนมีสติปัญญาไปว่ากล่าว เห็นจะได้พระบิดามาโดยง่าย”

ฮอกงเจ้าเมืองลั่วหยางเฝ้าอยู่ที่นั้นจึงทูล “ไต้อ๋องจะให้ไปหาฌ้อปาอ๋องแบ่งอาณาเขตเป็นทางพระราชไมตรีต่อกันนั้นข้าพเจ้าจะรับอาสาไป

ว่ากล่าวฌ้อปาอ๋องให้ส่งพระบิดาแลฮองเฮาคืนมาให้จงได้”

จางเหลียง ตันแผง ได้ยินดังนั้นจึงว่า “อันฌ้อปาอ๋องถือตัวว่ามีปัญญา

พยาบาทฮั่นอ๋องนักหมายจะทำศึกเอาชนะฝ่ายเดียว

ซึ่งท่านจะไปว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมให้เป็นทางไมตรีนั้น

ถ้าไม่สำเร็จเหมือนท่านคิดไว้ตัวท่านก็จะไปตาย ก็จะพาเกียรติยศพระเจ้าฮั่นอ๋องเสียไปด้วยท่านจงตรึกตรองดูให้ดีก่อน”

ฮอกงได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า “เมื่อท่านเห็นข้าพเจ้าเป็นหุ่นไปแล้วที่ไหน

ข้าพเจ้าจะทำราชการต่อไปได้เล่า”

เมื่อปักใจถึงขั้นนี้ก็อยู่ที่พระเจ้าฮั่นอ๋องเท่านั้น

พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัส “ท่านจะรับอาสาไปก็ตามเถิด แต่อย่าให้เสียธุระเรา” นั่น

เท่ากับเป็นการยินยอม

จากนั้นพระเจ้าฮั่นอ๋องก็จารึกอักษรผนึกปิดตรา

ฮอกงน้อมคำนับรับราชสาส์นแล้วก็ออกจากที่เฝ้าขึ้นม้ารีบไป นั่นคือ จุดเริ่มแห่งการสงบศึก

ระหว่างฌ้อปาอ๋องกับฮั่นอ๋อง

ข้อตกลงก็คือ 1 ฮั่นอ๋องยินดีแบ่งอาณาเขตที่ตีมาได้ให้ ขณะเดียวกัน 1

ฌ้อปาอ๋องต้องคืนไทก๋งและฮองเฮาให้แก่ฮั่นอ๋อง

“ศัสตราวุธ” จึงแปรเป็น “แพรพรรณ” ได้

เสถียร จันทิมาธร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image