ภาพเก่าเล่าตำนาน เรื่อง ดวลปืน 4 คู่ ในประวัติศาสตร์ของเมืองมะกัน : โดย พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก

อารมณ์ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วครับ…การดวลปืนเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี เพื่อดำรงเกียรติเป็น “ค่านิยม” ของสุภาพบุรุษในยุโรปและอเมริกาในศตวรรษที่ 18-19 ที่เริ่มต้นมาจากการดวลดาบซึ่งแลกกันด้วยชีวิตของลูกผู้ชาย ฝรั่งเองก็ยอมรับว่ามีเรื่องของศาสนาและพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่าพระเจ้าจะคุ้มครองคนสุจริตได้และคนดีจะปลอดภัยเสมอ

ในบทความตอนที่แล้ว เปิดเผยถึงการดวลปืนครั้งประวัติศาสตร์ที่รองประธานาธิบดีสหรัฐไปท้าดวลปืนคนละ 1 นัด กับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2347 ในรัฐนิวเจอร์ซีที่เรียกกันว่า Alexander Hamilton-Aaron Burr Duel จนกระทั่งอดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐคนแรก ชื่อแฮมิลตัน (Hamilton) ที่มีรูปในธนบัตรสหรัฐเสียชีวิต ส่วนรองประธานาธิบดีชื่อเบอร์ร (Burr) รอดชีวิตแต่ถูกประธานาธิบดีโทมัส เจฟเฟอร์สัน ปลดออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ

บุคคลสำคัญคู่นั้นที่ดวลปืนถึงตาย มิใช่คู่แรกและคู่สุดท้ายครับ

ประวัติศาสตร์ของสหรัฐบันทึกการต่อสู้ตัวต่อตัว โดยเฉพาะการดวลปืน อันเนื่องมาจากความเห็นขัดแย้งกันจากงานการเมือง เกิดการดูหมิ่น การไร้มารยาท การทำให้เสียหน้า ก่อให้เกิดหายนะที่ตามมาอย่างนึกไม่ถึง โดยเฉพาะนักการเมืองชาย

Advertisement

การต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวเป็นเรื่องปกติในวิถีชีวิตของชายชาวยุโรป อเมริกันและทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้ เพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญ และปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ถึงแม้จะส่งผลด้านลบในแง่ของคุณธรรม จริยธรรม หากแต่การต่อสู้มีกติกาที่ชัดเจน มีวิธีปฏิบัติของคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียม คู่ขัดแย้งยินยอมพร้อมใจจะเสี่ยงชีวิตเพื่อรับผิดชอบการกระทำและคำพูดของตนเอง และประการสำคัญที่สุด สังคมในยุคสมัยนั้นก็ยอมรับว่าการเข้าสนามต่อสู้นั้นเป็นเรื่องของ “สุภาพบุรุษ-ความกล้าหาญและความรับผิดชอบ”

ในสังคมโลกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คำพูดที่ผิดที่ผิดเวลา ผิดไปจากความจริงมันร้ายกาจ และทำร้ายได้ยิ่งกว่าอาวุธ

แก่นสาระของการดวลปืน มิใช่การชักปืนเร็วหรือยิงปืนแม่น แต่มันคือการทดสอบความกล้าหาญ ความรับผิดชอบ ความเป็นชายชาตรีที่กล้ายืนหันหน้ามองกระบอกปืนบรรจุกระสุนของคู่ต่อสู้

Advertisement

ฝรั่งเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า Affairs of Honor ซึ่งมีเหตุผล มีคุณค่าที่จะต้องทำถึงแม้จะต้องสละชีพ การไม่กล้าไปปรากฏตัว ณ สถานที่ท้าดวล คือ ความขี้ขลาดที่จะถูกประณามไปชั่วชีวิต แต่การสังหารคู่ต่อสู้ก็เป็นตราบาปที่สังคมชิงชังเช่นเดียวกันคู่ดวลปืนในตำนานการเมืองของเมืองลุงแซมอีก2 คู่ คือ

การดวลระหว่างแรนดอล์ฟและเคลย์ (John Randolph-Henry Clay) เป็นคู่ดวลที่ดังสนั่นในตำนานการเมืองมะกันอีกคู่ ที่ไม่มีใครอยากจะรับรู้ จอห์น แรนดอล์ฟ เป็นรัฐบุรุษที่ฉลาดเป็นกรดจากรัฐเวอร์จิเนีย ผู้ร่างสุนทรพจน์ที่เฉียบคมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา ฝีปากและคำกล่าวแต่ละครั้งบาดใจผู้ฟังเลือดโชก เป็นนักการเมืองที่ไม่มีใครอยากปะทะคารมด้วย

เฮนรี เคลย์ (Henry Clay) นักการเมืองหนุ่มไฟแรงจากเคนตักกี้ผู้มีไหวพริบเฉียบแหลมและฝีปากไม่เป็นรองใครในปฐพีเมืองลุงแซม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีปีสหรัฐ พ.ศ.2367 สภาผู้แทนราษฎรจึงต้องทำหน้าที่เป็นเวทีตัดสิน เคลย์ เป็นประธานวุฒิสภาขณะนั้นถูกกล่าวหาจากนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่าเขาเล่นพวก โดยมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันนั้น แรนดอล์ฟอภิปรายเสียงดังในสภาเปรียบเปรยเคลย์และจอห์น ควินซี อาดัมส์ ว่านักการเมืองทั้งสองขี้โกงเหมือนตัวโกงในนิยายชื่อดังเรื่อง ทอม โจนส์

แรนดอล์ฟ ตอบเคลย์แบบหยามเหยียดว่า เคลย์เคยเป็นผู้แพ้ โดยยกบางตอนในวรรณคดีอเมริกันเรื่อง ทอม โจนส์ มาย้อนกลับแบบต้องการให้เจ็บช้ำน้ำใจในสภา

เมื่อได้ฟังวาทกรรมจบ เคลย์มีอาการเหมือนโดนน้ำร้อนราดลงกลางกระหม่อม เขากลับไปบ้านและเขียนจดหมายไปถึงแรนดอล์ฟ เพื่อขอความกระจ่างเป็นส่วนตัว

ไม่มีการตอบจดหมาย แต่เป็นการตกลงนัดดวลปืนแทน

การท้าดวลปืนเป็นทางเลือกสำหรับเคลย์ที่แค้นฝังหุ่น เมื่อการดวลปืนอุบัติขึ้น นักการเมืองฝีปากคมทั้งสองต่างลั่นกระสุนคนละนัดในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่เดชะบุญกระสุนจากปืน 2 กระบอกพลาดเป้าทั้งคู่ นักการเมืองทั้งสองปลอดภัย

หลังจากมือปืนทั้งสองตั้งสติได้ เคลย์รีบตะโกนบอกแรนดอล์ฟว่า “เราต้องยิงกันอีกครั้ง” นักประวัติศาสตร์ชื่อ โรเบิร์ต เรมินี พรรณนาประวัติศาสตร์การดวลปืนคู่นี้ไว้อย่างน่าสนุก

แรนดอล์ฟกล่าวว่า “ผมไม่ยิงคุณนะเคลย์ ผมยกมือให้คุณดูแล้ว” แล้วแรนดอล์ฟชูมือเปล่าเดินเข้าไปหาเคลย์

เคลย์ก็เดินไปข้างหน้า 2-3 ก้าวเช่นกัน แต่ก็โบกมือแบบไม่พอใจ

แรนดอล์ฟเอ่ยปากคลุกเคล้าเสียงหัวเราะ “คุณเป็นหนี้เสื้อคลุมผมตัวนึงนะ” เพราะชายเสื้อคลุมบริเวณสะโพกของแรนดอล์ฟโดนกระสุนทะลุเป็นรู แต่ไม่โดนร่างกาย

“ผมดีใจนะที่หนี้ (รูกระสุน) ไม่ใหญ่ไปกว่านี้” แล้วเคลย์ก็เดินจากไปแบบเยือกเย็น

และ ณ วินาทีนั้นการดวลปืนของสุภาพบุรุษนักการเมืองทั้งสองก็ยุติลงได้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นักการเมืองทั้งสองยังคงเป็นคู่กัดในทางการเมืองไปตลอดชีวิต แต่ที่สังคมอเมริกันยกย่องคือ ทั้งสองคนต่างเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอในที่สาธารณะ ในการทำงานการเมือง แรนดอล์ฟเคยกล่าวว่า “หากผมตาย ขอให้ฝังศพของผมหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เพื่อที่จะขอมองไปที่เคลย์ตลอดไป”

การดวลปืนระหว่าง แจ๊กสัน-ดิกเคนสัน (Andrew Jackson-Charles Dickenson)

ประวัติศาสตร์เมืองมะกันบันทึกไว้ว่า ประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ๊กสัน คือ นักดวลปืนตัวฉกาจ ที่ผ่านการดวลปืนสังหารคู่ต่อสู้มาแล้วนับไม่ถ้วน แจ๊กสันเกิดที่รัฐเซาท์แคโรไลนา แต่ไปใช้ชีวิตที่รัฐเทนเนสซี สุภาพบุรุษท่านนี้ถือว่าเป็นนักสู้ที่ห้าวหาญ แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เคยเป็นวีรบุรุษในสนามรบในนิวออร์ลีนส์ในยุคศตวรรษที่ 19 เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษในเรื่องความมุ่งมั่นในการทำงาน

เรื่องราวที่เหลือเชื่อ คือเหตุการณ์ที่แจ๊กสันดวลปืนกับดิกเคนสัน หนุ่มอายุ 27 ปี ผู้ประสบความสำเร็จและเป็นสุภาพบุรุษที่แต่งกายเลิศหรูดูงามในทุกโอกาส

ปฐมเหตุที่ทำให้ 2 บุรุษต้องมาดวลปืนกัน เริ่มจากสุภาพบุรุษทั้งสองเกิดการโต้เถียงกันในสนามแข่งม้าวิวาทะรุนแรงมาถึงจุดเดือดเมื่อดิกเคนสันเอ่ยคำผรุสวาทใส่แจ๊กสันว่า “ไอ้คนสถุลไร้ค่า ไอ้คนขี้ขลาดตาขาว” และที่เลวร้ายสุดสุด คือ ดิกเคนสันปากเปราะไปกล่าวจาบจ้วงภรรยาของแจ๊กสันที่ยืนอยู่ด้วยข้างๆ เลยต้องตกลงดวลปืน

ในตอนเย็นวันหนึ่ง ก่อนวันนัดดวลปืน แจ๊กสันกล่าวกับภรรยาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ลาก่อนที่รัก ผมจะกลับมาบ้านพรุ่งนี้ตอนเย็น”

แจ๊กสันกังวลพอสมควรเพราะดิกเคนสันเป็นนักดวลปืนระดับต้นๆ ที่ลั่นกระสุนปลิดชีพคู่ต่อสู้มาแล้วหลายราย และเป็นมือวางอันดับ 1 ในรัฐเทนเนสซี

ล่ำลาภรรยาเสร็จ แจ๊กสัน วีรบุรุษนักรบผู้ไม่เคยกลัวเกรงขี่ม้าออกไปจากบ้าน เขาภาวนาขอเพียงให้เป็นการดวลปืนแบบยุติธรรม

การดวลปืนเพื่อปกป้องเกียรติยศชื่อเสียงของสุภาพบุรุษในยุคนั้น มิใช่การดวลปืนเพราะเมาสุรา คึกคะนองหรือดวลกันแบบไร้สติ คู่ท้าดวลต้องแต่งตัวสุภาพมีอาวุธที่เท่าเทียมกัน มีสถานที่ที่ไม่รบกวนใคร ไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อน มีกรรมการคอยอำนวยความสะดวก

การดวลในวันนั้น แจ๊กสันเสี่ยงชีวิตสุดสุด โดยวางแผนจะยอมให้ดิกเคนสันลั่นกระสุนออกมาก่อน แล้วแจ๊กสันจึงจะลั่นกระสุนสังหารตามหลัง

เมื่อการดวลปืนอุบัติขึ้น ดิกเคนสัน ลั่นกระสุนออกไปก่อนตามคาด แต่แจ๊กสันไม่ขยับตัวไม่กระดุกกระดิก ทำเอาดิกเคนสันตกตะลึง กระสุนพลาดเป้ารึ?

สิ้นเสียงปืน แจ๊กสันเอามือซ้ายไปแปะที่หน้าอกตัวเอง เพราะกระสุนเจาะเข้าตรงหน้าอกด้านซ้ายใกล้หัวใจ เลือดพุ่งทะลักออกมา

วินาทีเดียวกันนั้น มือขวาของแจ๊กสันจับปืนพกกระชับแน่น เหยียดแขนตรงเล็งปืนไปที่ดิกเคนสัน แล้วลั่นไกสวน กระสุนสังหารพุ่งตรงไปที่ง่ามขา (ไข่ดัน) ของหนุ่มหล่อดิกเคนสัน ถึงกับสะดุ้งเฮือก เลือดไหลทะลักลงไปท่วมรองเท้าบู๊ตคาวบอย และล้มลงขาดใจตายคาที่

แจ๊กสัน บุรุษเหล็ก (ที่ต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 7 ของสหรัฐ พ.ศ.2362-2370 ตรงกับช่วงในหลวงรัชกาลที่ 2) ค่อยๆ เดินตัวตรงออกไปจากจุดดวลปืนอย่างใจเย็นแบบพระเอกหนังคาวบอย เพื่อแสดงความเข้มแข็งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โปรดติดตามเบื้องหลังการดวลปืนของผู้มีชื่อเสียงในอเมริกาที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้แบบเปิดเผยเพื่อการศึกษาอีก 2 คู่ที่เหลือในตอนต่อไปครับ

เรียบเรียงโดย
พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ดวลปืน 7

ดวลปืน 10

ดวลปืน 9

AIS Logo-Online

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image