ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
รู้สึกเห็นใจ กรธ.จริงๆ
เห็นใจเพราะข้อเสนอที่แต่ละองค์กรเสนอให้ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ทั้งสวนทางกัน ทั้งหนักหนาสาหัส
ในจำนวนนี้มีทั้งข้อเสนอจากคณะรัฐมนตรี ข้อเสนอจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้อเสนอจากสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ
ข้อเสนอจากศาล ข้อเสนอจากอัยการ ข้อเสนอจากกำนันผู้ใหญ่บ้าน ข้อเสนอจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
รวมไปถึงข้อเสนอจากพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย
ข้อเสนอที่ให้ปรับปรุงนอกจากจะมีเนื้อความขัดกับเนื้อหาของ กรธ.บางส่วนแล้ว
ข้อเสนอแต่ละองค์กรที่ให้ความเห็นมายังขัดแย้งกันและกันอีกต่างหาก
อาทิ ข้อเสนอของ ครม.ที่กำลังเป็นข่าว เรื่องการแบ่งช่วงเวลาบังคับใช้เป็น 2 ขยัก
ช่วงสั้น สามารถยกเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตราได้
ช่วงต่อไป เป็นการใช้รัฐธรรมนูญได้เต็มใบ
ข้อเสนอนี้ บรรดานักวิชาการและพรรคการเมืองไม่เห็นด้วย
พรรคประชาธิปัตย์แม้จะขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยทางการเมือง แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ ครม.
ขณะที่ความเห็นจาก กปปส.กลับมองกว้างๆ ว่า ถ้ารัฐธรรมนูญมีการการันตีเรื่องปฏิรูปและมีกลไกแก้วิกฤต ก็โอเค
ตีความได้ว่า กปปส.มีความโน้มเอียงไปเห็นด้วยกับข้อเสนอของ ครม.
นี่ยังไม่รวมความเห็นขัดแย้งกับร่างที่ กรธ.ยกขึ้นมา 270 มาตรา ที่บางกลุ่มเห็นว่าขาดสิทธิเสรีภาพกว่าเก่า
บางพรรคเห็นว่ายังมุ่งกีดกันทางการเมือง
ขณะที่ กรธ.มีกำหนดเวลาการพิจารณาปรับปรุงร่างไปถึงเดือนมีนาคม แล้วเสนอให้ ครม.โดยไม่มีการแก้ไข
จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนประชามติ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม
ดังนั้น นับจากเวลานี้ไปจนถึงวันที่ปรับปรุงร่างเสร็จ เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว
แล้ว กรธ.จะยึดแนวไหนในการปรับปรุง
ถือว่าช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวต่อไปนี้เป็นทางสองแพร่งของ กรธ.ก็ว่าได้
หาก กรธ.ก้าวย่างถูกทิศ ร่างรัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับ ประชาชนทุกฝ่ายเห็นพ้องกันให้ใช้
กรธ.ก็เฮ
แต่ถ้า กรธ.เลือกย่างก้าวผิดทาง ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นที่ยอมรับ
กรธ.ก็แย่หน่อย
แต่เชื่อว่า กรธ.คงมีสติ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
และเชื่อว่าท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ท่ามกลางข้อมูลอันล้นทะลัก หาก กรธ.คิดจะขจัดความขัดแย้งก็คงเลือกสรรเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ทั้งนี้อาจถือว่า ข้อเสนอของทุกกลุ่มที่ยื่นให้เป็นความต้องการส่วนตัวส่วนกลุ่ม
ทุกองค์กรทุกกลุ่มมีสิทธิจะเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าดีที่สุดได้
ในความต้องการส่วนตัวของคนนี้ ย่อมไม่ตรงกับความต้องการส่วนตัวของคนนั้น
น่าปวดหัวแทน กรธ.จริงๆ
แต่ในความต้องการส่วนตัวของแต่ละกลุ่มน่าจะมีอะไรที่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวมบ้าง
เข้าใจว่า กรธ.คงจะเลือกสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แล้วบัญญัติเป็นเนื้อหาไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ
ทีนี้ก็สุดแล้วแต่ว่า กรธ.จะเห็นว่าอะไรคือ “ประโยชน์ส่วนรวม”
การสืบทอดอำนาจ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมไหม ?
การเลือกตั้ง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือเปล่า ?
แล้วคำตอบว่า สิ่งที่ กรธ.เลือกนั้นเป็นประโยชน์ของใครก็ไปยุติกันที่ประชามติ
ถ้าเนื้อหาต้องตาคนส่วนใหญ่ ประชามติคงผ่าน
แต่ถ้าไม่ ประชาชนคงไม่โหวตให้…ร่าง รธน. ก็คว่ำไป