พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : บารมี ปกเกล้า สยบ 3 ยอด ‘ขุนพล’ บำเหน็จ รางวัล

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : บารมี ปกเกล้า สยบ 3 ยอด ‘ขุนพล’ บำเหน็จ รางวัล

สภาพดำเนินไปอย่างที่จางเหลียง ตันแผง คาดคิดเอาไว้ครบถ้วนทุกประการ นั่นก็คือ ฌ้อปาอ๋องกริ้วโกรธอย่างรุนแรง บัญชาการให้กรีธาทัพมาทำศึกกับฮั่นอ๋องอีกครั้งหนึ่ง
กระนั้น ปัจจัยสำคัญ 1 ของทัพฌ้อ คือ ปัจจัยอันเกี่ยวกับ “เสบียง”
ขณะเดียวกัน ปัจจัยอันเป็นจุดอ่อน 1 ที่ดำรงอยู่ภายในของทัพฮั่น คือ ยังไม่ได้รับการหนุนช่วยจนสามารถเปล่งพลานุภาพได้อย่างเกรียงไกร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทัพของหานซิ่น
ไม่ว่าจะมองจากด้านของฌ้อ ไม่ว่าจะมองจากด้านของฮั่น ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ล้วนมีผลสะเทือน
ทุกอย่างดำเนินไปตามความเป็นจริงที่ว่า “กองทัพเดินด้วยท้อง”
ทุกอย่างดำเนินไปตามความเป็นจริงที่ว่า เมื่อกองทัพเติบใหญ่ สะสมชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ย่อมนำไปสู่ความจำเป็นต้องจัดดุลใหม่
ปัจจัย 1 เป็นปัญหาของฌ้ออ๋อง ปัจจัย 1 เป็นปัญหาของฮั่นอ๋อง

หากประเมินจากที่ซุนวูสรุปและสะท้อนภาพแห่งการจัดทัพที่ว่า ต้องใช้รถเร็วพันคัน รถหุ้มหนังพันคัน พลรบสิบหมื่น ขนเสบียงพันลี้
ค่าใช้จ่ายในและนอกประเทศ ค่าใช้จ่ายการทูต
ค่าซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ค่ารถรบเสื้อเกราะ ต้องสิ้นเปลืองวันละพันตำลึงทอง ดังนี้ จึงจะเคลื่อนพลสิบหมื่นออกรบได้
เมื่อรบพึงชนะรวดเร็ว ยืดเยื้อกำลังก็เปลี้ย ขวัญทหารก็เสีย
ตีเมืองจักไร้พลัง ทำศึกนอกประเทศนาน ในประเทศจักขาดแคลน เมื่อกำลังเปลี้ย ขวัญทหารเสีย
สูญสิ้นทั้งไพร่พลและเศรษฐกิจ
เจ้าครองแคว้นอื่นจักฉวยจุดอ่อนเข้าบุกรุก แม้จะมีผู้เยี่ยมด้วยสติปัญญาก็สุดจะแก้ไขให้กลายดี
สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจจึงกดบีบให้ทัพฌ้อจำเป็นต้องถอย

หันไปมองปัจจัยอันเป็นปัญหาของทัพฮั่น นั่นคือปัจจัยเนื่องแต่กรณีหานซิ่นทำให้ทัพฮั่นต้องถอนออกจากเมืองกุเหลง
และไปปักหลัก ณ เมืองเซงโต๋ รอท่าอยู่
เมื่อพระเจ้าฮั่นอ๋องปรารภขึ้น “เราให้เรียกหา หานซิ่นหยินโป้ แพอวดเป็นเวลานานแต่ป่านนี้ยังมาไม่ถึง ฌ้อปาอ๋องก็ตามมาหากขาดเสบียงจึงต้องถอย
แม้ฌ้าอ๋องยกมาอีกจะคิดประการใด”
“หานซิ่น หยินโป้ แพอวด สามคนนี้ความชอบมาก ถึงไต้อ๋องตั้งหานซิ่นเป็นฉีอ๋องแต่ยังมิได้มอบอาณาเขตให้ใจหานซิ่นเห็นจะรักเป็นผู้ใหญ่ครองเมืองฉีแต่ผู้เดียว
ด้วยเมืองฉีนั้นมีเมืองใหญ่ถึง 3 เมือง เมืองขึ้นก็มาก
ผู้คนยังไม่ราบคาบจึงไม่มา ถ้าตั้งหานฉีเป็นฉีอ๋อง ต้องกับในใจถึงจะมาช่วยไต้อ๋อง”
แล้วหยินโป้ แพอวด เล่าจะบริหารจัดการอย่างไร

ในความเห็นของจางเหลียง “หยินโป้เล่าก็เป็นคนของฌ้อปาอ๋อง ได้ครองเมืองกิ๋วกั๋งมีเมืองขึ้น 15 เมือง
มาอยู่กับไต้อ๋องก็ยังมิได้ให้อนุญาต
แพอวดนั้นเมื่อไปตีเมืองเผิงเฉิงเขาก็สวามิภักดิ์มาทำราชการ ถึงจะตีตัดเสบียงอาหารก็ได้แพอวดผู้เดียว ไต้อ๋องยังมิได้ปูนบำเหน็จมอบเมืองไตเหลียงแลเมืองขึ้นให้
ใจ 3 คนนี้รักอิสริยยศ ไต้อ๋องจงแต่งตราตั้งมอบเมืองแล้วจะมาโดยเร็ว”
จึงไม่ว่า 1 หานซิ่น จึงไม่ว่า 1 แพอวด จึงไม่ว่า 1 หยินโป้ ล้วนอยู่ในห้วงแห่งการทดสอบ
ทดสอบ “นาย” ทดสอบ “พลัง”
เราอาจจะสัมผัสได้เพียงท่าทีและการแสดงออกอย่างเปิดเผยของหานซิ่นก่อนหน้านี้ แต่มิได้รับรู้ความรู้สึกของหยินโป้ แพอวด
ฮั่นอ๋องอาจไม่ตระหนัก แต่จางเหลียงอ่านทะลุ

Advertisement

พระเจ้าฮั่นอ๋องเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอจางเหลียงจึงตรัส “ผู้อื่นไปเห็นจะเสียการ ท่านจงแต่งหนังสือไปพูดจาว่ากล่าวจึงจะสมคิด”
จางเหลียงคำนับลามาแต่งหนังสือแล้วก็รีบเดินทางไป
ครั้นบรรลุถึงเมืองฉีก็เข้าไปหาหานซิ่น เมื่อหานซิ่นเชิญให้นั่งในที่เสมอกันจางเหลียงจึงว่า
“ท่านเป็นเจ้าเมืองมีเมืองขึ้นถึง 72 เมือง จะนั่งเสมอท่านนั้นไม่สมควร”
ได้ยินดังนั้นหานซิ่นหัวเราะ “ข้าพเจ้าได้ดีทั้งนี้เพราะท่านช่วยบำรุง มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้ดีแล้วจะลืมคุณท่านเสีย ท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นที่สุด
ชอบแต่จะนั่งต่ำกว่าท่านอีก ถ้าเป็นผู้อื่นข้าพเจ้าจะต้องทำตามยศถา”
สะท้อนให้เห็นสายสัมพันธ์อันมีมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะมองจากด้านของหานซิ่น ไม่ว่าจะมองจากด้านของจางเหลียง
เพียงแต่จางเหลียงให้เกียรติก่อน จึงได้รับเกียรติจากหานซิ่นตอบแทน

จางเหลียงหยิบหนังสือตราตั้งส่งให้ หานซิ่นคุกเข่าคำนับรับหนังสือ คลี่ออกแล้วไล่เรียงไปแต่ละบรรทัด
มีรับสั่งพระเจ้าฮั่นอ๋องครองเมืองหลวงว่า
หานซิ่นเป็นแม่ทัพ บังคับทหารหลายสิบหมื่น ไปตีเมืองใหญ่น้อยได้หลายร้อยเมือง ถึงฌ้อปาอ๋องก็ต้องกลหานซิ่นเสียทีหลายครั้ง
ตั้งแต่ทำศึกมามีความชอบยิ่งกว่านายทหารทั้งปวง
เมืองฉีนั้นแต่ก่อนตั้งเจ้าเมืองใหญ่ 3 เมือง บัดนี้ให้หานอ๋องเป็นสำฉีอ๋อง ครองเมืองใหญ่ 3 เมืองแต่ผู้เดียว ให้อาณาเขตสิทธิขาด ราษฎรบรรดาหัวเมืองทั้ง 72 หัวเมืองให้อยู่ในอำนาจสำฉีอ๋อง
จะได้รักษาแผ่นดินสืบไป

Advertisement

เมื่ออ่านหนังสือแล้วสำฉีอ๋อง หานซิ่น ผินหน้าไปทางทิศซึ่งพระเจ้าฮั่นอ๋องประทับอยู่ คุกเข่าลงคำนับ
แล้วเชิญหนังสือขึ้นวางไว้ในที่อันควร
จางเหลียงจึงว่า “บัดนี้ ฌ้อปาอ๋องออกมาตีเมืองเซงโก๋ พระเจ้าฮั่นอ๋องให้จางซัง เจียงถูไปตัดลำเลียงเสบียงอาหารเสียสิ้น
ฌ้อปาอ๋องต้องถอยทัพไป
ข้าพเจ้าเห็นว่ากำลังทหารฌ้อปาอ๋องน้อยลงคงจะเสียเมือง พระเจ้าฮั่นอ๋องตั้งพระทัยคอยกองทัพท่านกับแพอวดอยู่
ถ้าไปพร้อมแล้วจะได้ปรึกษาไปตีเมืองเผิงเฉิงให้เสร็จสิ้นแต่คราวเดียว
ท่านก็เป็นคนมีสติปัญญาอยู่ทำไมถึงให้มีพระอาทิตย์ส่องโลกอยู่ 2 ดวง ถึงเป็นสำฉีอ๋องครองเมืองที่ไหนจะเป็นสุข”
การสนทนาระหว่างหานซิ่นกับจางเหลียงน่าสนใจ

ได้ยินดังนั้นฉีอ๋อง หานซิ่นจึงว่า “ข้าพเจ้าทำศึกกับฌ้อปาอ๋องครั้งกองบู๊ก็รู้ว่าสมคิด แต่หากพระเจ้าฮั่นอ๋องมีความวิตกด้วยพระบิดากับนางหงวนฮองเฮา
จึงต้องทำไมตรีกับฌ้อปาอ๋อง ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ที่จะทัดทาน
บัดนี้ได้ฟังท่านมาว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องต้องกลับจะทำศึกก็สมที่นึกไว้ หมายจะให้พระเจ้าฮั่นอ๋องเป็นกษัตริย์แต่พระองค์เดียว”
จางเหลียงลุกขึ้นคำนับ
“ท่านพูดนี่เหมือนช่วยธุระของราษฎรให้เป็นสุข ควรที่เป็นสำฉีอ๋องครองเมืองใหญ่ ท่านจงเร่งไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ข้าพเจ้าจะลาท่านไปหาหยินโป้ แพอวด
ให้ยกทัพไปพร้อมกัน ณ เมืองเซงโก๋”
เมื่อเสร็จภารกิจ จางเหลียงก็อำลาฉีอ๋อง หานซิ่น เดินทางไปหาหยินโป้ แพอวด ตามที่ได้รับบัญชามาจากพระเจ้าฮั่นอ๋อง
ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายครบถ้วน
จางเหลียงเดินทางกลับเซงโก๋เพื่อถวายรายงาน พระเจ้าฮั่นอ๋องตรัสสรรเสริญจางเหลียง
“ครั้งนี้ถ้าท่านไม่ไปที่ไหนนายทหารทั้ง 3 คนจะยกมา”
ได้ฟังดังนั้นจางเหลียงรีบกราบทูล “ซึ่งข้าพเจ้าไปได้การทั้งนี้เพราะบารมีของไต้อ๋องโดยแท้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image