วนในอ่าง โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปี 2534 บ้านเมืองเราอยู่ในช่วงเหตุการณ์คณะนายทหารเข้ายึดอำนาจการปกครอง ที่เรียกกันติดปากว่า “รัฐประหาร รสช.” อันเป็นตัวย่อของ “คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ” ซึ่งก็เป็นชื่อที่ใกล้เคียง “คสช.” หรือ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” ชุดปัจจุบันนี้อย่างมาก

การรัฐประหารของ รสช. เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 เปิดฉากอย่างตื่นเต้นระทึกขวัญทีเดียว ด้วยการจี้จับ “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีต ผบ.ทบ. ที่เข้ามาดูงานกลาโหมให้รัฐบาลน้าชาติ

โดยจี้จับตัวบนเครื่องบินซี 130 ที่กำลังจะบินขึ้นจากท่าอากาศยานกองทัพอากาศ เพื่อไปเข้าเฝ้าฯที่เชียงใหม่

เมื่อควบคุมตัวผู้นำรัฐบาลได้เรียบร้อย ก็ออกแถลงการณ์ประกาศเข้ายึดอำนาจการปกครองต่อประชาชน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องยินดี มีการเอาดอกกุหลาบไปมอบให้ทหารบนรถถังที่ออกมายึดเมือง

Advertisement

นั่นเพราะชาวบ้านจำนวนหนึ่งถูกการสร้างกระแสครอบงำอย่างยาวนานหลายเดือนก่อนนั้นว่า รัฐบาลนักการเมืองจากการเลือกตั้งชุดน้าชาติมีพฤติการณ์โกงกินคอร์รัปชั่น มโหฬาร กินทั้งตามน้ำทวนน้ำ จนถึงกับมีฉายาบุฟเฟต์ คาบิเน็ต

ทำกันอย่างเป็นระบบมายาวนาน ปูทางเอาไว้ล่วงหน้าจนสุกงอม แล้วก็ยึดอำนาจล้มประชาธิปไตย

ทั้งที่เบื้องหลังการรัฐประหารมาจากความขัดแย้งทางอำนาจระหว่างรัฐบาลกับกองทัพอย่างต่อเนื่องหลายกรณี เช่น งัดกันในคดีลอบสังหาร มีอดีตทหารกลุ่ม จปร.7 และ พล.อ.อาทิตย์เข้ามาร่วมอยู่กับซีกรัฐบาล ซึ่งมีอดีตบาดหมางกันยาวนานกับกองทัพยุค จปร.5

Advertisement

รวมทั้งดีเดย์การยึดอำนาจ ก็มาจากความเชื่อที่ว่ารัฐบาลกำลังเตรียมปลดผู้นำกองทัพยกแผง

แต่สุดท้าย วิธีที่จะล้มรัฐบาลนักการเมืองได้ดีที่สุด และผู้คนส่วนหนึ่งในสังคมจะร่วมเฮโลมาสนับสนุนมากที่สุด ก็คือ การโหมภาพโกงกินคอร์รัปชั่นของนักการเมือง

แน่นอนว่าส่วนหนึ่ง รัฐบาล พล.อ.ชาติชายก็มีปัญหาเช่นนั้นจริง แต่ก็มีนักคิดนักวิชาการแสดงความเห็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า การล้มรัฐบาลโกงกินควรลงมือโดยประชาชน ด้วยการรณรงค์ข้อมูลข้อเท็จจริงให้สังคมรับรู้เข้าใจ แล้วร่วมกันล้มรัฐบาลดังกล่าวในวันเลือกตั้ง

เพราะวิธีเอาอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยมาล้มรัฐบาลประชาธิปไตย พร้อมกับล้มระบอบประชาธิปไตยไปด้วย

คือการทำลายล้าง และลงมือกันเองในหมู่ชนชั้นผู้ปกครอง แล้วเอาประชาชนมาเป็นเพียงหางเครื่อง เป็นกองเชียร์

จาก 23 กุมภาพันธ์ 2534 อีก 15 ปี การเมืองไทยก็วนกลับมายังจุดเดิมอีก เมื่อมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็เพื่อจะล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ด้วยการใช้แนวทางไม่ต่างกัน คือ โหมเรื่องนักการเมืองโกงกิน คอร์รัปชั่นเชิงนโยบายอะไรเหล่านี้

แต่แทนที่จะให้ประชาชนช่วยกันจัดการกับทักษิณในวันเลือกตั้ง

ก็เอาประชาชนมาเป็นแค่หางเครื่อง เป็นกองเชียร์อีก สร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ

แล้วการเมืองไทยก็วนในอ่างต่อไป เมื่อมีรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

เป็นความจริงที่ว่า รัฐบาลประชาธิปไตย รัฐบาลนักการเมือง สร้างปัญหาให้บ้านเมืองอย่างแน่นอน

แต่เราไม่เคยปล่อยให้ประชาชนตื่นตัว เรียนรู้ และร่วมกันแก้ด้วยมือประชาชนเอง โดยไม่ทำให้ประชาธิปไตยต้องชะงัก

นั่นจะทำให้การเมืองไทยและบ้านเมืองเราพัฒนาไปข้างหน้าแบบยั่งยืนอย่างแท้จริง

แล้วอย่าหลอกตัวเองเลยว่า รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้บ้านเมืองเลย!?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image