สุจิตต์ วงษ์เทศ : ยกเลิก ‘เชื้อชาติไทย’ เพื่อเศรษฐกิจวัฒนธรรมของไทยสู่สากล

ของกินอร่อยๆ “ไม่ไทย” นับไม่ถ้วน เพราะมีต้นตอหรือที่มาหลากหลายจน “นึกไม่ออก บอกไม่ได้” แต่ขายดีสุดขีด “สตรีตฟู้ด” ในไทย เลยพูดรวมๆ ว่าอาหารไทยไปก่อน แล้วติดปากบอกต่อเป็นที่รู้กันทั่วโลก (ภาพจาก วิกิพีเดีย)

สุจิตต์ วงษ์เทศ : ยกเลิก “เชื้อชาติไทย” เพื่อเศรษฐกิจวัฒนธรรมของไทยสู่สากล

เศรษฐกิจวัฒนธรรมของไทยสู่สากลจะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อยอมรับความจริงว่าความเป็นคนสำคัญกว่าความเป็นไทย เพราะความเป็นไทยมาภายหลังความเป็นคน แล้วทบทวนความเป็นไทยไม่ต้องมีลายกระหนก และเลิกละเมอเพ้อพก “ความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก”

1. รัฐบาลมีนโยบายผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และการจัดตั้ง Thailand Creative Content Agency (THACCA)

2. กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) สนองนโยบายรัฐบาลด้วยร่างแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมของประเทศไทยสู่ระดับสากล (พ.ศ. 2567-2570) โดยร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาฯ

Advertisement

3. ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมของประเทศไทยสู่ระดับสากล ถูกกำหนดไว้ 4 ประเด็น โดยมีประเด็นสำคัญมาก 1 ใน 4 คือ เตรียมความพร้อมใน “คน” มีบทบาทหลักในการพลิกโฉมเศรษฐกิจวัฒนธรรม

[สรุปจาก ข่าวสด วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567 หน้า 2]

Advertisement

เศรษฐกิจวัฒนธรรม หมายถึง วัฒนธรรมถูกดัดแปลงสร้างสรรค์เป็นพลังที่มีผลตอบแทนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

ดังนั้นต้องรู้จักและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งต่อสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรม จึงจะมีแรงบันดาลในการดัดแปลงสร้างสรรค์วัฒนธรรมให้มีพลังผลักดันเศรษฐกิจวัฒนธรรมของไทยสู่ระดับสากลได้ตามต้องการ

วัฒนธรรมในสังคมไทยถูกทำให้ไร้พลังมานานมาก โดยรัฐราชการรวบอำนาจรวมศูนย์ ราว 85 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2482 จนปัจจุบัน ดังนี้

(1.) ปลุกระดมว่า “ความเป็นไทย ไม่เหมือนใครในโลก” เพื่อยกตนข่มคนอื่นว่า วัฒนธรรมไทยเป็นของไทยแท้ที่ไม่เหมือนใครในโลก ซึ่งดีกว่าและเหนือกว่าวัฒนธรรมประเทศอื่นในโลก

ทำให้หลงผิดแล้วด้อยค่าชาติพันธุ์อื่นในไทย มีหลักฐานต่อเนื่องยาวนานมากกรณีความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคนล้มตายนับไม่ถ้วน จนบัดนี้ยังแก้ไม่ตก

(2.) วัฒนธรรมไทยแท้ที่ไม่เหมือนใครในโลก เริ่มต้นที่กรุงสุโขทัย ทั้งนี้สืบเนื่องจากประวัติศาสตร์ไทยถูกแต่งใหม่ตามบงการของชนชั้นนำอำนาจนิยม ว่าคนไทยแท้ เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ มีถิ่นกำเนิดในจีน ต่อมาถูกจีนรุกราน ต้องอพยพยกโขยงถอนรากถอนโคนลงไปตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย

ทั้งหมด 2 เรื่องไม่เป็นจริง ตามที่ทางการไทยบงการ

เรื่องแรก ความเป็นไทย หรือวัฒนธรรมไทย มีทั้งส่วนแตกต่างและคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมอุษาคเนย์

ส่วนที่คล้ายคลึง (ซึ่งมีมากกว่าส่วนที่แตกต่าง) นับเป็นวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ ได้แก่ อาหารการกิน, ประเพณีพิธีกรรม, การละเล่นนาฏศิลป์-ดนตรี, การต่อสู้ เช่น มวย, กระบี่กระบอง ฯลฯ โดยเฉพาะราชสำนักอยุธยารับวัฒนธรรมมุสลิมมากมายก่ายกอง (แต่ถูกเหมาว่าเป็นไทยแท้) และมุสลิมดูแลการค้าทางตะวันตก (กรมท่าขวา) ให้กษัตริย์อยุธยามั่งคั่ง

เรื่องหลัง เชื้อชาติไม่มีในโลก และเชื้อชาติไทยในโลกก็ไม่มี

ดังนั้น ที่ว่าคนไทยแท้ เชื้อชาติไทย มีถิ่นกำเนิดในจีนก็ไม่จริง ไม่เคยพบหลักฐาน วิชาการด้านใดๆ และทางการไทยไม่เคยแสดงหลักฐานวิชาการที่ได้รับการยอมรับทางสากล (นอกจากตีขลุมเอาเองว่าโน่นไทย นั่นไทย  นี่ก็ไทย)

สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทยก็ไม่เคยมีหลักฐาน (ทางการไทยไม่เคยแสดงหลักฐานวิชาการที่เชื่อถือได้) เพราะเพิ่งสร้างใหม่ (ราว 85 ปีที่แล้ว) เพื่อรองรับถิ่นกำเนิดของคนไทยแท้อยู่ในจีน

ถ้า วธ. ต้องการอย่างแท้จริงให้เศรษฐกิจวัฒนธรรมของไทยสู่สากล สิ่งแรกที่ต้องทำทันที ได้แก่ (1.) ยกเลิกเชื้อชาติในประวัติศาสตร์ไทย และ (2.) ยกเลิกความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก

จากนั้นเชิญชวนทำความเข้าใจร่วมกัน ดังนี้

(1.) คนไทยมาจากชาวสยาม เป็นลูกผสมหลายชาติพันธุ์นับไม่ถ้วน ราว 2,500 ปีมาแล้ว และ (2.) ความเป็นไทย หรือวัฒนธรรมไทย มาจากความเป็นสยาม หรือวัฒนธรรมสยาม ที่มีขึ้นจากการผสมผสานหลายวัฒนธรรมในอุษาคเนย์และในโลก ดูหลักฐานจากอาหารไทย

คนไทยมายังไง? อาหารไทยก็มายังงั้น เพราะอาหารไทยไม่ได้ถูกเนรมิตบนฟ้า แล้วลอยลงมาจากสวรรค์ แต่เกิดจากความหิวและรสนิยมของคนกินกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าไทย จึงคิดดัดแปลงแต่งปรุงหุงหาของกินใหม่ได้เรื่อยๆ

อาหารมีขึ้นจากการเลือกสรรและสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพของคน

อาหารไทยเป็นวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ มาจากการประสมประสานอาหารในชีวิตประจำวันของคนอุษาคเนย์ไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว กับอาหารนานาชาติทั้งใกล้และไหล ที่ทยอยแลกเปลี่ยนติดต่อกันสมัยหลังๆ จนเข้าสู่ยุคการค้าโลก เช่น เจ๊ก, แขก, ฝรั่ง ฯลฯ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการประสมประสานวิธีปรุงพื้นเมืองเข้ากับของจีน เช่น น้ำปลา, ขนมจีน, ไข่เจียว, ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ และเจ๊กกับลาว หรือเจ๊กปนลาว เช่น ส้มตำ

ไม่จำกัดและไม่หยุดนิ่งตายตัว โดยพร้อมรับจากแหล่งอื่นเพิ่มเข้ามาประสมประสานได้เสมอเมื่อมีโอกาส ทำให้มีของกินใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางอย่างแม้ต่างจากต้นตำรับที่รับมาแต่อร่อย แล้วพากันเรียกว่าอาหารไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image