ผู้เขียน | พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก |
---|
กว่าจะมาถึงวันนี้…
สนามบินสุวรรณภูมิ ที่โอ่อ่า สง่างาม เป็นศักดิ์ศรี เป็นที่ชื่นชมของคนไทยและชาวโลกในปัจจุบัน มีเกร็ดประวัติศาสตร์ที่สมควรนำมาบอกเล่า อุปสรรคสารพัดในการก่อสร้าง ทั้งทางเทคนิค การเมือง และปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่อที่จะทำให้โครงการล้มเหลวมาตลอด เป็นปัญหาโหด หากแต่วิสัยทัศน์ ความกล้าหาญ ของผู้นำประเทศ สามารถคลี่คลายอุปสรรคนานัปการได้
ทุกประเทศต้องมีสนามบินนานาชาติที่จะสามารถอวด เปล่งประกายความเป็นอารยะของประเทศ สนามบินนานาชาติจะบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ เป็นหน้าต่าง เป็นห้องรับแขก ของประเทศนั้น
อดีตที่ผ่านมา สนามบินดอนเมือง คือสนามบิน หนึ่งเดียวที่ทำหน้าที่รองรับ ทั้งอากาศยานทหาร เครื่องบินโดยสาร เครื่องบินบรรทุกสินค้า การเดินทางด้วยเครื่องบินจะเติบโตไปตลอดกาล
27 มีนาคม 2457 ประเทศไทยมีเพียงสนามบินดอนเมือง กองทัพอากาศเป็นผู้ใช้งาน
“สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ” ที่ตั้งขึ้นในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เสนอผลการศึกษาตรงกับแนวคิดของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการสร้างท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 2 ในพระนคร
พ.ศ.2503 รัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อนุมัติแนวคิดที่จะต้องมีท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2
ช่วงปี พ.ศ.2506-2516 กรมการบินพาณิชย์จัดซื้อที่ดินส่วนหนึ่ง มีการเวนคืนที่ดินและที่สาธารณะอีกส่วนหนึ่ง รวมเป็นพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ไร่ ในพื้นที่ ต.หนองปรือ ต.บางโฉลง และ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พื้นที่ที่เวนคืนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ ต.หนองปรือ
พ.ศ.2506 รัฐบาล จอมพลถนอม ให้สัมปทานแก่บริษัท นอร์ธทรอป แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ทันก่อสร้างก็เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 มีปัญหาทางด้านการเมือง นักศึกษา ประชาชนนับแสนออกมาขับไล่ผู้นำรัฐบาลออกนอกประเทศ
6 ตุลาคม 2519 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใหญ่อีกครั้ง
พ.ศ.2520 รัฐบาล พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาแทมส์เพื่อศึกษาพื้นที่ในการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่
ได้ข้อสรุปตามเดิมว่า หนองงูเห่า เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด
การต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองเป็นเรื่องฉุดรั้งการพัฒนา เรื่องสนามบินนานาชาติหนองงูเห่าแทบไม่มีใครรู้จัก เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
ขั้นตอนการเวนคืนที่ดินยาวนานกว่า 14 ปี รัฐบาลจะจ่ายเงินให้ครอบครัวละ 800,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนย้ายศาสนสถาน 1 แห่ง และโรงเรียนอีก 3 แห่ง
สนามบินนานาชาติยังไม่มีอนาคต หลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองมานานหลายทศวรรษ
พ.ศ.2539 จึงมีการจัดตั้ง “บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด”
มกราคม 2545 รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร แก้ แกะปมปัญหาสารพัด ตัดสินใจให้ลงมือก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทุกเวลานาที เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้นำประเทศ รัฐบาล ดร.ทักษิณตั้งเป้าในการบริหารจัดการโครงการขนาดยักษ์ให้สำเร็จ ซึ่งต้องใช้ทักษะ ความรู้เท่าทัน ต้องมุ่งมั่น เพราะเดินหน้า ถอยหลัง เผชิญอุปสรรคขวากหนามมาตลอดหลายทศวรรษ
ดร.ทักษิณสั่งการให้ผู้รับผิดชอบให้ไปทำงานไปกิน นอน ในพื้นที่ สร้างความฮือฮาในสังคมไทยไม่น้อย เรียกความเชื่อมั่น
คำว่า สนามบินนานาชาติ ต้องมีมาตรฐาน มีกฎระเบียบที่แสนจะเข้มงวดที่ฝรั่งตั้งเอาไว้ นักบินทั่วโลกต้องยอมรับ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก เป็นเรื่องของ “มืออาชีพ” ทำงานเท่านั้น
ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบทความ Me and My Country ความว่า…
“…ผมขอเริ่มตอนที่ 1 โดยการเล่าเรื่องเบื้องหลังการเจรจากับญี่ปุ่นในการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิครับ ปี 2544 ผมได้ประกาศว่าจะยกเลิกการประกวดราคาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งประกวดราคาโดยรัฐบาลก่อนเป็นวงเงิน 54,000 ล้านบาทเศษ โดยออกแบบรองรับผู้โดยสารได้ 35 ล้านคน ซึ่งขณะนั้นผมเห็นว่าแพงและจำนวนผู้โดยสารที่รองรับได้น้อยไป เกรงจะไม่พอ เปิดปุ๊บก็ต้องเต็มปั๊บ ทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในขณะนั้นก็วิ่งมาพบผมและขอคัดค้านเพราะเรากู้เงิน JBIC อยู่ โดยบอกว่าจะยกเลิกเงินกู้
ผมก็นั่งคิด เนื่องจากเรายังไม่พ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อ ก.ค.2540 แต่ถ้าเรากลัวไม่ได้กู้เงิน เราก็ต้องสร้างสนามบินที่แพงเกินจริงและรองรับผู้โดยสารได้น้อยเกินไป เพราะจะสร้างใหม่ทั้งทีอุตส่าห์รอกันมาตั้ง 40 ปี ขณะนั้นผมอ่านออกว่า ทูตญี่ปุ่นกลัวว่าประกวดราคาใหม่บริษัทญี่ปุ่นจะไม่ชนะประมูล เรื่องการไม่ให้กู้เงินคงจะไม่จริง ผมก็เลยบอกไปว่าผมจำเป็นต้องยกเลิกการประมูลและแก้แบบใหม่ให้รองรับผู้โดยสารจาก 35 ล้านคนเป็น 45 ล้านคน ถ้าญี่ปุ่นไม่ให้กู้ก็ไม่เป็นไร ผมใช้เงินแบงก์กรุงไทยกับแบงก์ออมสินก็ได้ ผมก็เลิกการประมูล แก้แบบเป็น 45 ล้านคน และให้มีการประมูลใหม่…
ผลปรากฏว่าราคาลดลงจาก 54,000 ล้านบาท เป็น 36,666 ล้านบาท ประหยัดไป 17,000 ล้านบาทเศษพร้อมกับรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 10 ล้านคน จาก 35 เป็น 45 ล้านคน ซึ่งขนาดเพิ่มแล้ววันนี้หลังจากเปิดไม่กี่ปีก็เต็มแล้ว ทั้งๆ ที่ไปใช้ดอนเมืองด้วย และในที่สุด ท่านทูตญี่ปุ่นคนเดิมก็กลับมาขอร้องให้เราใช้เงินกู้ JBIC ต่อไปเหมือนเดิม (การเจรจาต้องรู้ความต้องการของเขาและของเรา)”
ข้อความที่เล่ามาแล้วข้างต้น เป็นข้อความส่วนหนึ่งในที่ ดร.ทักษิณโพสต์ไว้หน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว น้อยคนที่จะทราบ…
19 มกราคม 2545 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง ร.9 เสด็จพระราชดำเนินในพิธีวางศิลาฤกษ์ พระราชทานชื่อ “สุวรรณภูมิ”
ถ้าจะไม่กล่าวถึงการออกแบบสนามบินสุวรรณภูมิ ก็จะเสียของ …สถาปัตยกรรมได้ถูกออกแบบขึ้น โดย Helmut Jahn สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน ซึ่งถือเป็นงานวิศวกรรมโดยเน้นแก่นแท้เพื่อประสิทธิภาพแห่งการใช้สอยเป็นสำคัญ และเพื่อสัญลักษณ์การเป็นสนามบินที่ยิ่งใหญ่ของไทย
ระบบนิเวศภายในอาคารก็ได้ถูกออกแบบไว้เพื่อประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึงประหยัดพลังงานเป็นสำคัญ มีการนำระบบพื้นหล่อเย็นมาใช้ ซึ่งทำให้ประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศ
มีงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมไทย ทั้งร่วมสมัยและแบบดั้งเดิม อันประกอบด้วยบุษบก 2 หลัง ศาลาไทย 2 หลัง ยักษ์ 12 ตน ภาพเขียนของจิตรกรอาวุโสนับร้อยชิ้น
เรื่องนี้ ไม่กล่าวถึงไม่ได้…เลข 9 คือ เลขมงคลสำหรับคนไทย
ระยะห่างระหว่างเสาแต่ละต้นของตัวอาคารผู้โดยสาร คือ 9 เมตร โดยเสาหลักหรือเสาไพลอนที่ค้ำซุปเปอร์ทรัส มี 2 ตัวต่อ 1 คาน รวมกันเป็น 1 ชุด เสา 2 ตัวที่ค้ำคานนี้จะห่างกัน 81 เมตร เลข 8 และ 1 บวกกันได้เลข 9
ข้อมูลตัวเลขผู้โดยสารทั้งไทยและเทศที่มาใช้สนามบินสุวรรณภูมิตรงตามที่ ดร.ทักษิณตัดสินใจมาตั้งแต่ต้น ที่ยืนยันว่าจะต้องให้ ทสภ.มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปีเมื่อเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2549 ในขณะที่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ทสภ.ในเวลาดังกล่าวมีปริมาณ 43 ล้านคนต่อปี และเพิ่มเป็น 46 ล้านคนต่อปี ในปี 2550 โดยมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
รัฐบาล ดร.ทักษิณประกาศกำหนดการเปิดใช้สนามบินในตอนปลายปี 2548 แต่ก็ถูกเลื่อนออกไปเป็นระยะๆ ทั้งยังมีปัญหาอีกว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีวิญญาณสิงสถิตอยู่
เมื่อมีปัญหาความเชื่อมั่นทางจิตใจรัฐบาลก็ไม่ละเลย เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 ท่าอากาศยานไทยจึงได้จัดพิธีสวดมนต์ของพระสงฆ์ 99 รูป เพื่อสะกดดวงวิญญาณ
วันที่ 23 กันยายน 2549 เจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิเปิดทดลองการปฏิบัติงานเต็มรูปแบบ และมีการขายตั๋วที่นั่งให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก มีเสียงท้วงติง ห่วงใย เสียงตำหนิ ก็เป็นเรื่องปกติ หากแต่รัฐบาลก็สามารถตอบปัญหาได้
รัฐบาลกำหนดเปิดใช้งานสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ คือ 28 กันยายน 2548
ดร.ทักษิณผู้แก้ปัญหาเพื่อผลักดันให้เกิดสนามบินสุวรรณภูมิ “โชคร้าย” ไม่มีโอกาสอยู่ในพิธีเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ…
19 กันยายน 2549 ทหารยึดอำนาจการปกครอง ในขณะที่นายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณไปประชุมในเวทีสหประชาชาติ ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
28 กันยายน 2549 สนามบินสุวรรณภูมิเปิดตัวเป็นทางการ ภายหลังรัฐประหาร โดยไม่มี ดร.ทักษิณ
ผ่านมาถึง พ.ศ.2567 จากทุ่งนา หนองน้ำ หนองงูเห่า กลายเป็นสนามบินนานาชาติที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก เป็นเกียรติภูมิของประเทศไทย
ความอดทนบวกกับความกล้าหาญ ย่อมนำมาซึ่งชัยชนะ ถ้าไม่มีวันนั้น คงไม่มีวันนี้ครับ…