ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจรัฐปิดกั้นรังแกเสรีภาพทางความเชื่อของคน แต่ไม่เลื่อมใส ไม่ศรัทธา “ยศช้าง ขุนนางพระ” และอภิสิทธิ์ของพระสงฆ์
พุทธแท้ยังหาไม่พบ
พุทธแท้ยังไม่เคยมีใครพบว่ามีลักษณะอย่างไร? ทั้งในอินเดีย, ลังกา, สุวรรณภูมิ ฯลฯบางคนบอกว่าถ้าจะมีจริงก็มีอยู่แต่ในพระไตรปิฎกเท่านั้น ส่วนบนโลกจริงไม่เคยพบ
แต่แล้วพระไตรปิฎกก็ไม่มีจริงสมัยพุทธองค์ เพราะอรรถกถาจารย์แต่งขึ้นสมัยหลังพุทธกาล แล้วแต่งเติมต่อมาหลายยุคหลายสมัยจนหาข้อยุติไม่ได้ว่าเมื่อไรบ้าง? กี่ครั้ง? ฯลฯ ดังนั้นจะเชื่อพระไตรปิฎกว่าสืบจากพุทธองค์แท้ๆ ก็เชื่อลำบาก
ท่านพุทธทาสบอกไว้ในเอกสารชื่อการขุดเพชรในพระไตรปิฎก (คำปราศรัย ทำบุญล้ออายุ 80 ปี เมื่อ 27 พฤษภาคม 2528) จะคัดเฉพาะที่เกี่ยวข้องมาดังนี้
พระไตรปิฎก แต่งใหม่สมัยหลัง
ในการสังคายนาครั้งแรก ยังไม่มีพระไตรปิฎก แต่ก็มาพูดกันในบัดนี้ว่ามีพระไตรปิฎกมาแล้วตั้งแต่การทำสังคายนาครั้งแรก
นั่นเป็นเพราะไปหลงตามคำกล่าวชั้นหลังๆ เมื่อมีพระไตรปิฎกเต็มรูปในแบบปัจจุบัน
การเทศน์สังคายนาที่กล่าวให้เข้าใจว่ามีพระไตรปิฎกมาแล้วตั้งแต่ครั้งแรกนั้นไม่ตรงกับความจริง
เชื่อได้ไม่ทั้งหมด
พระไตรปิฎกนั้น ถ้าจะยื่นให้แก่นักศึกษา อาจปลดออกหรือฉีกออกได้สัก 30 เปอร์เซ็นต์
ถ้าสำหรับนักวิทยาศาสตร์นักโบราณคดีตัวยงแห่งยุคปรมาณูในปัจจุบันหรืออนาคตอาจจะปลดออกได้อีก 30 เปอร์เซ็นต์
ถ้าสำหรับคนทั่วไป รวมทั้งยายแก่ตาแก่ที่สอนให้เด็กตีกระป๋องช่วยพระจันทร์เมื่อราหูจับนั้น ไม่ต้องปลดอะไรออกเลย
สำหรับที่เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์ จัดเป็นเรื่องการดับทุกข์โดยวิถีทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจปลดหรือฉีกออกได้อีกต่อไป นั่นแหละคือหลักพุทธศาสนาชั้นที่เป็นเพชรเม็ดเอก……