พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ยึด อำนาจรัฐ ชัยชนะ โดย ‘เบ็ดเสร็จ’ ทาง การเมือง

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม

การศึกที่ไกเสี้ย คือ ความต่อเนื่องจากกลยุทธ์ “กงซิ่นเหวยซ่าง” การโจมตีทางใจในลักษณะอันเท่ากับเป็นการขยายผล
เป็นสถานการณ์เมื่อเดือน 12 ของ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช
เป็นการวางแผนอย่างแยบยลของหานซิ่นในฐานะ “นักการทหาร” ผลในทางรูปธรรมทั้งทางการเมืองและทางการทหาร
เท่ากับเป็นการสิ้นสุดของยุคแห่ง “ฌ้อปาอ๋อง”
ขณะเดียวกัน เท่ากับเป็นชัยชนะที่มีลักษณะในทาง “ยุทธศาสตร์” ส่งผลให้การผงาดขึ้นมาของ “ฮั่นอ๋อง” มีความแข็งแกร่ง มั่นคงเป็นลำดับ
บทบาท หานซิ่น จางเหลียง เซียวเหอ สูงเด่น
ในความสูงเด่นไม่ว่าจะมองจากด้านของเซียวเหอ ไม่ว่าจะมองจากด้านของจางเหลียง ไม่ว่าจะมองจากด้านของหานซิ่นล้วนทรงความหมาย
กระนั้น ความหมายแห่ง “ศึกไกเสี้ย” ก็ร้อนแรง

หนังสือ “ฮ่องเต้” จากการแปลและเรียบเรียงของ อดุลย์ รัตนมั่นเกษม บรรยายสภาพการณ์แห่งสงครามไกเสี้ยอย่างสั้นกระชับ
เมื่อปีที่ 5 ของราชวงศ์ฮั่น (พ.ศ.341)
นำทัพไล่เซี่ยงหวี่มาถึงเมืองกู่หลิง หานซิ่นและผิงเย่นำทัพมาบรรจบกับเล่าปัง กองทัพฮั่นได้โอบล้อมกองทัพของเซี่ยงหวี่ไว้ที่เมืองไกเสี้ย
พอตกกลางคืน เล่าปังให้ทหารร้องเพลงฌ้อ
ไพร่พลของทัพฌ้อคิดถึงบ้านกันทุกคน ทำให้ขวัญกำลังใจของทัพฌ้อแตกซ่านไปในทันที เซี่ยงหวี่จึงนำกำลังทหารม้าตีฝ่าวงล้อมออกมากวนอิงไล่ติดตามไป
ทำให้เซี่ยงหวี่ต้องปาดคอตายที่ริมฝั่งแม่น้ำยูเจียง
หนังสือ “10 กุนซือจีนยอดอัจฉริยะ” ของ วัชระ ชีวะโกเศรษฐ์ ระบุ “ทัพฮั่นได้ล้อมเซี่ยงหวี่ที่ไกเสี้ย เซี่ยงหวี่กำลังน้อยสู้กำลังเหนือกว่าไม่ได้รบพ่ายแพ้ฆ่าตัวตาย”

เมื่ออ่านการเรียบเรียงของหยีเซ่อผ่านหนังสือ “ตำนานชาติมังกร” ก็เห็นตั้งแต่ภาพของ เซี่ยงหวี่อุ้มร่างอวีจี๋วางบนที่นอนจ้องดูเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจุดไฟเผาด้วยเปลวเทียน
จากนั้น เดินออกจากกระโจมนำทหารที่เหลืออยู่บุกฝ่าวงล้อมกระทั่งมาถึงทางแยกก็ปะเข้ากับชาวบ้าน
จึงถาม “นี่เจ้าไปเจียงตงต้องใช้เส้นทางใด”
“ใช้เส้นทางซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงขอรับ” เป็นคำตอบ แต่เมื่อพวกเซี่ยงหวี่เดินทางตามคำบอกอยู่ครึ่งวัน
ยิ่งเดินทางยิ่งลำบาก
ที่แท้เข้าไปในบึงโคลนแห่งหนึ่ง เมื่อคิดจะกลับหลังทหารฮั่นก็บุกเข้ามาถึง เซี่ยงหวี่สู้อยู่พักหนึ่งจึงรีบหนีไปทางทิศใต้
เมื่อใกล้ถึงตงเฉิง รอบตัวเหลือทหารม้าเพียง 28 นาย

ทหารฮั่นก็ล้อมรอบเข้ามา เซี่ยงหวี่นำพาทหารลุยฝ่าวงล้อมอยู่ 3 ครั้งกว่าจะฝ่าออกมาแล้วมุ่งหน้าสู่แม่น้ำอูเจียง
พลันปะทะเข้ากับผู้คนและเสียง
“ไต้อ๋อง ผู้น้อยคือถิงจ่างของอูเจียง ขออาสาพาท่านข้ามแม่น้ำ” เซี่ยงหวี่ลงจากหลังม้า รำพึงขึ้น
“ฟ้าให้ฌ้อล่มสลายข้าจะอยู่ไปทำไม
คิดถึงคราแรกที่ข้านำพี่น้องเจียงตง 8,000 ลุกฮือต่อต้านฉินเวลานี้เหลือข้าเพียงคนเดียวจะมีหน้าไปพบผู้เฒ่าผู้แก่ในเจียงตงได้อย่างไร”
เซี่ยงหวี่รักม้าศึกคู่กายมาก
ไม่อยากให้ตายในสมรภูมิ จึงไหว้วานให้ถิงจ่างนำกลับไปเจียงตง จากนั้นนำทหาร 20 กว่านายบุกเข้ากองทัพฮั่น
นี่ย่อมเป็น “วีรกรรม” หาญกล้าที่ได้รับการจดจาร “บันทึก”

ADVERTISMENT

หากมองผ่านลีลาการสะท้อนในแบบของ “หยีเซ่อ” ก็ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดเพียงครู่เดียวเซี่ยงหวี่ก็สังหารทหารฮั่นไปถึง 200-300 คน
เล่าปังเห็นเซี่ยงหวี่กล้าหาญดุดันจึงออกคำสั่ง
“ผู้ที่เอาศีรษะเซี่ยงหวี่ได้จะให้ทองพันตำลึง แต่งตั้งเป็นพระยากินส่วยหมื่นครอบครัว”
สภาพการณ์ของเซี่ยงหวี่ตอนนั้นเป็นอย่างไร
ด้านหนึ่ง ทหารจำนวน 20 กว่าคนที่ติดตามแวดล้อมล้วนถูกสังหารสิ้น ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง แม้เซี่ยงหวี่จะหมดเรี่ยวสิ้นแรงแต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เมื่อเห็นทหารผู้หนึ่งเซี่ยงหวี่จึงร้องขึ้น
“เจ้าคงเป็นหลี่หม่าทงสินะ ตอนนี้ฟ้าต้องการชีวิตข้าเห็นแก่เจ้าที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาข้าจะมอบของขวัญให้เจ้า เอาหัวข้าไปแลกกับความมั่งมีศรีสุขเถอะ”
ว่าแล้วเซี่ยงหวี่ก็เชือดคอตัวเอง

ทุกอย่างเป็นไปตาม “ความฝัน” ก่อนหน้านี้ของพระเจ้าฌ้อปาอ๋องในห้วงแห่งสถานการณ์ถูกไล่ล่าอย่างสาหัส
เป็นความฝันอันเนื่องจากเห็น “ดวงอาทิตย์” ลอยกลาง “มหาสมุทร”
ขณะเดียวกัน พลันแลไปเห็น “ฮั่นอ๋อง” เหินลอยมาบนอากาศเปล่งรัศมีราวฉัพพรรณรังสีออกจากกาย
แลฮั่นอ่องนั้นหยุดยืนบนก้อนเมฆ
เข้าไปอุ้มเอา “ดวงอาทิตย์” มาอยู่ในอ้อมกอด แลก้อนเมฆอันฮั่นอ๋องประทับยืนก็ฉายรัศมีสว่าง
ส่งกายฮั่นอ๋องให้ลอยขึ้น
พระเจ้าฌ้อปาอ๋องเมื่อเห็นฮั่นอ๋องโอบอุ้ม “ดวงอาทิตย์” ไว้ในอ้อมกอด ก็ลุยน้ำเข้าไปหมายจะแย่งชิง
นี่ย่อมวินาทีแห่งการฉายชี้เส้นทางของ “ความฝัน”

ADVERTISMENT

ด้านหนึ่ง เป็นภาพที่ฌ้อปาอ๋องลุยไป ขณะเดียวกันด้านหนึ่ง เป็นภาพที่ฮั่นอ๋องสถิตอยู่เหนือก้อนเมฆ
คนหนึ่งมี “ดวงอาทิตย์” คนหนึ่งต้องการ “แย่งชิง”
ทันใดนั้น ฮั่นอ๋องยกเท้าถีบหน้าฌ้อปาอ๋อง ส่งผลอย่างฉับพลันให้ฌ้อปาอ๋องจมลงไปในน้ำ
แล้วฮั่นอ๋องก็อุ้ม “ดวงอาทิตย์” ไปทางทิศตะวันตก
พระเจ้าฌ้อปาอ๋องตกใจตื่นจึงคิดว่า “แผ่นดินคงจะได้แก่ฮั่นอ๋องเป็นเที่ยงแท้ เราเห็นจะสิ้นวาสนาเสียครั้งนี้เป็นมั่นคง”
ประหนึ่งจะเป็นความฝัน ดำเนินไปเหมือน “ภาพนิมิต”
กระนั้น ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของฮั่นอ๋อง ไม่ว่าการได้ “ดวงอาทิตย์” มาอยู่ในความยึดครองดำเนินไปเหมือนกับจะสะท้อนกับความเป็นจริง
ความเป็นจริงจากการสู้รบและจบสิ้นในสมรภูมิไกเสี้ย

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่ามองผ่าน “ความฝัน” ไม่ว่ามองผ่าน “ความจริง” ผลอันเป็นบทสุดท้ายมิได้แตกต่างกัน
ในเมื่อ “ดวงอาทิตย์” มีเพียง 1 ดวง
ในเมื่อสิ่งที่อยู่ในความปรารถนาทั้งของฌ้อปาอ๋องและทั้งของฮั่นอ๋องล้วนเป็นอาทิตย์ดวงเดียวกัน
นั่นก็คือ การยึดครอง “แผ่นดิน”
“นิมิต” อันปรากฏอยู่ใน “ความฝัน” จึงเสมอเป็นการฉายภาพล่วงหน้าให้เห็นทิศทางและแนวโน้ม
ไม่ว่าในด้าน “สงคราม” ไม่ว่าในด้าน “การเมือง”
ชัยชนะที่อยู่ในมือของฮั่นอ๋องยืนยันความเหนือกว่าอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดพลันที่ฌ้อปาอ๋องตัดสินใจเชือดคอตนเอง
นี่คือผลงานร่วม เล่าปัง จางเหลียง เซียวเหอ หานซิ่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image