พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : จังหวะ การศึก ยึดกุม รู้ ‘เขา’ รู้ ‘เรา’ รบร้อย ชนะร้อย

จังหวะ การศึก ยึดกุม

สถานการณ์หลังจากฮั่นอ๋องปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้าฮั่นเต้เมื่อ 200 กว่าปีก่อน
คริสต์ศักราชมีความแหลมคมอย่างน่าศึกษา
วัชระ ชีวะโกเศรษฐ บรรยายสถานการณ์ตอนนี้ว่า
เล่าปังได้ปูนบำเหน็จต่อขุนนางและขุนพลที่สร้างผลงาน แต่เนื่องจากจางเหลียงเป็นแค่กุนซือให้คำปรึกษาและเสนอแนะ แต่ไม่มีผลงานด้านการสู้รบ
จึงเสนอให้ไปกินดินแดน 30,000 ครัวเรือน ที่อาณาจักรฉี
จางเหลียงปฏิเสธ “ตอนที่ข้าพระองค์ก่อเหตุที่เซี่ยเผยได้พบกับฝ่าบาทที่เมืองหลิวเป็นลิขิตของสวรรค์ที่มอบตัวข้าพระองค์ให้แก่ฝ่าบาท
ต่อมา ฝ่าบาททรงไว้พระทัยดำเนินตามข้อเสนอของข้าพระองค์
ดังนั้น ขอเพียงพระราชทานที่ดินเมืองหลิวก็เพียงพอแล้ว ไฉน ข้าพระองค์จะรับกินดินแดนถึง 30,000 ครัวเรือน”
เล่าปังรับคำขอของจางเหลียง

นี่ย่อมใกล้เคียงเป็นอย่างมากกับเนื้อหาอันปรากฏในยุทธนิยายเรื่อง “ไซ่ฮั่น” ฉบับสำนวนวังหลัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนท่าและท่วงทำนอง
ท่วงทำนองและกระบวนท่าในแบบของจางเหลียง
เป็นท่วงทำนองซึ่งหากสรุปตามอนุศาสน์อันเป็นของท่านซุนวู นั่นก็คือท่วงทำนองที่สรุปอย่างรวบรัดได้แทบถ้วน กระบวนนัย
นั่นก็คือ ท่วงทำนองในแบบ “รู้เรา รู้เขา”
ที่ว่า “รู้เรา” ย่อมเป็นรู้ในความปรารถนาแห่งตนที่ว่า “รู้เขา” ย่อมเป็นรู้ในความนึกคิดและความเป็นจริงทางด้านของเล่าปัง
ในที่นี้ก็คือ ฮั่นอ๋อง ในที่สุดแล้วก็คือ พระเจ้าฮั่นเต้
ที่จำเป็นต้องเน้นและให้ความสำคัญในกรณีของจางเหลียง เนื่องจากจางเหลียงดำเนินมาอย่างสอดประสานกับกรณีของหานซิ่น
ผลต่อจางเหลียงก็อย่างหนึ่ง ผลต่อหานซิ่นก็อย่างหนึ่ง

จําเป็นต้องมองจากภูมิหลัง มองจากจุดเริ่ม นั่นก็คือฝ่ายจางเหลียงตั้งแต่กีสินเจ้าเมืองหานแข็งเมือง แต่นั้นมาจางเหลียงก็เกรงว่า
พระเจ้าฮั่นเต้จะระแวงแคลงใจ
ด้วยเมืองหานเป็นบ้านเก่าของจางเหลียง กีสินกับจางเหลียงก็สนิท ชอบอัธยาศัยกัน
พระเจ้าฮั่นเต้ก็แจ้งอยู่แต่ก่อน
จางเหลียงจึงแกล้งทำเป็นบอกป่วย มิได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นเต้ แม้นเพื่อนขุนนางเข้าเฝ้าแล้วเข้ามาเยี่ยมเยียน
จางเหลียงก็พูดจาบอกเพื่อนขุนนางว่า “ทุกวันนี้โรคาเบียดเบียนเป็นอันมาก
หาความสุขมิได้ แลใจเราที่จะได้ปรารถนาที่ยศศักดิ์ศฤงคารนั้นหามิได้ คิดว่าจะใคร่ไปเที่ยว
แลแสวงหาว่านยารักษาตัวให้เป็นสุข”

หากฟังเพียงเท่านี้ หลายคนย่อมคิดถึงเหตุผลเดียวกันกับเมื่อคราจางเหลียงอำลาจากเล่าปังแม้จะแรกฝากตัว แรกเริ่มทำงานด้วยกัน
กระนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคพระเจ้าฮั่นเต้คำของจางเหลียงก็มากกว่านั้น
นั่นก็คือ “พระเจ้าฮั่นเต้ทรงพระเมตตาตรัสห้ามไว้ ยังมิได้โปรดให้ไป จะขัดรับสั่งมิได้
เราจึงสู้อุตส่าห์รักษาตัวอยู่กับบ้านเพราะโรคยังไม่บรรเทาคลาย”
แลต่อขุนนางซึ่งพระเจ้าฮั่นเต้ใช้ให้มาเยี่ยมเยียนอยู่เนืองๆ จางเหลียงก็บอกกล่าวเป็นคำเดียวต่อทุกคน
คล้ายกับจางเหลียงใช้กลยุทธ์เดิม
แต่กระบวนท่าเดิมนั้นก็มีการแปรเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์อันเป็นสภาพการณ์ใหม่ เนื่องจากมิใช่ต่อเล่าปัง หากแต่เป็นพระเจ้าฮั่นเต้
ต้องยอมรับว่ามีความรัดกุม เปี่ยมด้วยความรอบคอบ

ADVERTISMENT

การณ์ก็ดำเนินไปตามความคาดหมาย นั่นก็คือ พระเจ้าฮั่นเต้เมื่อแจ้งดังนั้นก็เชื่อถือว่า จางเหลียงมิได้ปรารถนาที่ยศศักดิ์มาแต่ก่อน
พระเจ้าฮั่นเต้ก็ค่อยคลายหายแคลงใจจางเหลียง
ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าฮั่นเต้จึงให้คนใช้ไปหาตัวจางเหลียงเข้ามาเฝ้าแล้วว่าแก่จางเหลียงว่า “ซึ่งท่านทำความชอบไว้ในเราเมื่อครั้งตั้งการศึกกำจัดฌ้อปาอ๋อง
จนสำเร็จราชการแลความชอบ
ท่านก็มีเป็นอันมาก เราคิดว่าจะให้ท่านไปเป็นเจ้าเมืองใหญ่จึงจะควรแก่ความชอบ ท่านจะเห็นประการใด”
เหมือนกับเป็นการถามความเห็น แต่ก็ถามในลักษณะหยั่ง
ต้องยอมรับว่าหากเป็นการถามความเห็นในท่วงทำนองอย่างที่โบราณเรียกว่าดำเนินไปในลักษณะ “โยนหินถามทาง”
การแสดงความเห็นนั้นย่อมละเอียดอ่อน

ได้ยินดังนั้น จางเหลียงจึงทูลพระเจ้าฮั่นเต้ว่า “ซึ่งข้าพเจ้าคิดการศึกด้วยพระองค์จนมีชัยชนะแก่ฌ้อปาอ๋อง
ทั้งนี้ ก็สำเร็จเพราะพระบุญญาธิการของพระองค์
ซึ่งจะบำรุงแผ่นดินให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ใช่ว่าจะสำเร็จด้วยสติปัญญาข้าพเจ้า
หามิได้
ข้าพเจ้าเป็นแต่บุตรชาวบ้าน จะได้เป็นแซ่เชื้อขุนนางแต่ก่อนก็หามิได้ ซึ่งท่านกรุณาชุบเลี้ยงตั้งแต่ให้ข้าพเจ้าเป็นถึงที่ลิวเทา ขุนนางตำแหน่งใหญ่
พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้
แต่ใจข้าพเจ้าใคร่จะเที่ยวหาความสุขเหมือนเซียกซองจูแต่ก่อน จะใคร่แสวงหาสรรพว่านยารักษาโรคสืบอายุ
แลจะให้ปรารถนาหาที่ยศศักดิ์ให้เป็นใหญ่ยิ่งขึ้นไปหามิได้”

ADVERTISMENT

พระเจ้าฮั่นเต้ได้ฟังดังนั้นก็เห็นว่าจางเหลียงมักน้อย ไม่ยินดีที่จะเป็นใหญ่โตโดยแท้ จึงสั่งให้จัดแจงที่ว่างเปล่า
เป็นที่เงียบสงัด
ตั้งบ้านปลูกเรือนให้จางเหลียงแล้วว่า “ท่านจงอยู่รักษาตัวให้เป็นสุข แล้วเข้ามาให้เห็นหน้าท่านแค่เดือนละครั้งเถิด”
จางเหลียงก็คำนับลาพระเจ้าฮั่นเต้กลับไปบ้าน
เมื่อกลับไปอยู่บ้านแล้ว วัตรปฏิบัติของจางเหลียงดำเนินไปอย่างไร ตามที่ยุทธนิยายเรื่อง “ไซ่ฮั่น” วาดพรรณนาน่าสนใจอย่างยิ่ง
น่าสนใจตั้งแต่เมื่อเอ่ยถึงความต้องการ
ยิ่งน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อนำเสนอความปรารถนาของตนออกไปแล้วและได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้าฮั่นเต้
เป็นความรัดกุมตั้งแต่ “ก่อน” เป็นความรัดกุมตั้งแต่ “หลัง”

ความน่าสนใจต่อกระบวนท่าของจางเหลียงมิใช่เพราะว่าจางเหลียงดำเนินท่วงทำนองตามรอยของซุนปินอย่างครบถ้วน
ไม่ว่า “ก่อน” ไม่ว่า “หลัง”
นั่นก็คือ ด้านหนึ่ง เมื่อประสบความสำเร็จสร้างชัยชนะอีกด้านหนึ่ง ก็ปลีกตนออกจากตำแหน่งทางการงาน
มุ่งเสาะหาสรรพว่านยา อันเป็นแนวทางเดียวกับพระอาจารย์ของตน
กระนั้น ความต่างอย่างละเอียดอ่อนยิ่งก็คือ ขณะที่กุยก๊กซินแซและซุนปินไม่รอช้า ออกจากเมือง เร้นกายหายไปในหุบเขาและพงไพรโดยพลัน
ตรงกันข้าม จางเหลียงรอคอยเมื่อสถานการณ์มีความสุกงอม
ต้องยอมรับว่า จางเหลียงมากด้วยความรอบคอบ เปี่ยมด้วยความระมัดระวัง สังวรต่อแต่ละสถานการณ์ที่แวดล้อม
เป็นการศึกษาจาก “ประวัติศาสตร์” ยึดกุมมาเป็น “บทเรียน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image