ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
นก เป็นสัตว์มีปีก บินได้ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ สืบมาจนปัจจุบันหมายถึงเสรีภาพ
พิธีปัดรังควานไล่ผีร้ายจากที่ใดที่หนึ่ง ถ้าหานกไม่ได้คนสมัยก่อนใช้สัตว์มีปีก เช่น ไก่ ฯลฯ นำออกไป
นกศักดิ์สิทธิ์
ลายนก อยู่ขอบนอกสุดของหน้ากลองทองมโหระทึก ราว 2,500 ปีมาแล้ว เชื่อกันต่อมาว่าเป็นนกกระเรียน (แต่ไม่ระบุว่าเพศผู้หรือเมีย) ยกย่องเป็นนกศักดิ์สิทธิ์สื่อสารระหว่างดินกับฟ้า อาจหมายถึงนกนำทางขวัญคนตายขึ้นฟ้า แต่สมัยหลังปรับเปลี่ยนเป็นนกอื่นๆ เช่น หัสดีลิงค์, หงส์ ฯลฯ
ในงานศพต้องประโคมด้วยปี่พาทย์นางหงส์
คำว่า นางหงส์ หมายถึง (นาง)นก(ตัวเมีย) เช่น (อี)แร้ง, (อี)กา, ฯลฯ ตามประเพณีดึกดำบรรพ์ว่าปลงด้วยนก หมายถึงให้แร้งกากินศพแล้วขึ้นฟ้า (สวรรค์) มีหลักฐานลายเส้นรูปนก สลักบนหน้ากลองทอง (มโหระทึก) ราว 3,000 ปีมาแล้ว
ปลงด้วยนก
เมื่อเปลี่ยนคติตามอินเดียทำพิธีเผาศพก็ยังรักษาร่องรอยดั้งเดิม คือให้นางนกแร้ง-กา พาขวัญและวิญญาณสู่ฟ้า เรียกปลงด้วยนก จึงเรียกนางนกแร้งกาอย่างยกย่องว่านางหงส์ บางท้องถิ่นเรียกนกหัสดีลิงค์
เมื่อเริ่มจุดไฟเผาศพ วงปี่พาทย์นางหงส์ทำเพลงบัวลอย มีความหมายว่าให้ขวัญ (หรือวิญญาณ) ลอยขึ้นฟ้า
“บัวลอย เป็นชื่อเพลงที่ปี่เป่า” (สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มีลายพระหัตถ์ ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2483 ทูลสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
บรรเลงประโคมทั่วไปในงานศพ มีชื่อเพลงโดยลำดับว่า บัวลอย, นางหน่าย, กระดี้รี, นางหงส์, หกคะเมน, ไต่ลวด ไม่กำหนดตายตัว จะแทรกเพลงอื่นก็ได้ (ที่ไม่ใช่เพลงมงคล) แต่เวลาเผาศพมีเพลงกำหนดตามลำดับ ดังนี้ ทุบมะพร้าว, แร้งกระพือปีก, กาจับปากโลง, ชักไฟสามดุ้น, ไฟชุม เมื่อจุดไฟเผาศพให้ทำเพลงบัวลอย (มีในหนังสือของพระยาอนุมานราชธน กราบทูล สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ลงวันที่ 7 มีนาคม 2482)
จะเห็นว่าชื่อเพลงตอนเผาศพเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีก คือ แร้งกระพือปีก, กาจับปากโลง