ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่สำนักพิมพ์มติชนพิมพ์ออกใหม่
หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “ไทยในสายตาเพื่อนบ้าน ฉบับปรับปรุง”
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือการศึกษาอารมณ์ความรู้สึกคนในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย
หนังสือเล่มนี้หยิบยกเอาเหตุการณ์ที่คนไทยอีกหลายคนยังไม่รู้ตัวมา
บอกเล่า
ลาว พม่า กัมพูชา สั่งสมความรู้สึกไม่พอใจไทยมานานแล้ว
มาเลเซีย รู้สึกไม่เห็นด้วยกับไทย หลังจากเกิดเหตุร้ายที่มัสยิดกรือเซะ เมื่อปี พ.ศ.2547
ขณะที่เวียดนามกลับมีท่าทีเป็นมิตรต่อไทย แม้ในช่วงสงครามเย็นจะมีการกระทบกระทั่งถึงขั้นวิกฤต…มีกองกำลังประชิดชายแดนก็ตาม
หนังสือเล่มนี้มี รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ เป็นบรรณาธิการ…เป็นเครื่องรับประกันคุณภาพ
หลายเรื่องในเล่มเป็นเหตุการณ์ที่ทบทวนให้ผู้อ่านระลึกได้
อาทิ เหตุการณ์ร่มเกล้า เหตุการณ์กะเหรี่ยงจับตัวประกัน ยึดโรงพยาบาล เหตุการณ์เผาบริษัทไทยในกัมพูชา ฯลฯ
ในจำนวนนี้ มีหลายเรื่องที่นอกจากจะกระตุ้นให้ผู้อ่านจำได้แล้ว ยังเจาะลึกเข้าไปหาสาเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์รัฐชาติของลาว โฟกัสช่วงรัชสมัยเจ้าอนุวงศ์
หรือวรรณกรรมเรื่อง “คำสอนตามาส” ที่เชิดชูฝรั่งเศส แต่ปลุกคนให้เกลียดไทย
รวมทั้งความหวาดระแวงของพม่าที่กล่าวหาไทยหนุนหลังชนกลุ่มน้อย
เรื่องเหล่านี้หลายคนรู้ แต่อีกหลายคนก็ยังไม่รู้
ดังนั้น ในช่วงที่ไทยกำลังสร้างมิตรกับ CLMV คนไทยจึงควรศึกษาเพื่อนบ้าน
ศึกษาความรู้สึกของเพื่อนบ้านที่มีต่อไทยในแง่มุมต่างๆ
ทั้งแง่บวกและแง่ลบ
ขอยกตัวอย่างความรู้สึกที่เวียดนามมีต่อไทยตามหนังสือเล่มนี้นำเสนอ
หนังสือระบุว่า จากบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เวียดนามแบ่งการปกครองเป็นเหนือใต้
เหนือปกครองโดยตระกูล จิ่ง
ใต้ปกครองโดยตระกูล เหงวียน
ไทยมีความสัมพันธ์กับเวียดนามอย่างแน่นแฟ้น เมื่อ เหงวียน ฟุก แอ๋นห์
หลบหนีการจับกุมของกลุ่มเต็ยเซินที่ยึดอำนาจ
เหงวียน ฟุก แอ๋นห์ เลือกที่จะเข้ามาอยู่สยาม
จากนั้นเหงวียน ฟุก แอ๋นห์ ก็เดินทางกลับไปกอบกู้อำนาจ และสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิซาลอง
แล้วถือนโยบายเป็นมิตรกับสยามมาตลอดรัชสมัย
ต่อมาประเทศเวียดนามตกอยู่ใต้อิทธิพลของฝรั่งเศส กลุ่มผู้ต้องการกอบกู้ประเทศต่างหันมาพึ่งประเทศไทย
หลายจังหวัดในไทยเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวเวียดนามกู้ชาติ
ชาวเวียดนามเหล่านี้ต้องการปลดแอกจากฝรั่งเศส
ในช่วงหนึ่ง โฮจิมินห์ ผู้นำจิตวิญญาณชาวเวียดนามก็แวะเวียนมาเยี่ยมฐานที่มั่นในไทย
ไทยจึงมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับเวียดนามเรื่อยมา
กระทั่งสหรัฐอเมริกาประโคมทฤษฎี “โดมิโน” ที่โด่งดัง และเวียดนามก็มีทีท่าว่าจะรุกอินโดจีน
ไทยซึ่งถือข้างประชาธิปไตย จึงยืนตรงกันข้ามกับเวียดนาม
ยิ่งเมื่อเวียดนามเข้ามาช่วยคอมมิวนิสต์ในลาว และกัมพูชา ไทยยิ่งต้องระมัดระวังตัว
เกรงว่าจะตกเป็นคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีโดมิโน
กว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย กาลเวลาก็ล่วงเข้าสู่ยุครัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
ขณะนั้นไทยชูนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า
เมื่อเปลี่ยนการเผชิญหน้ามาเป็นการค้าขาย ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามก็ค่อยๆ ดีขึ้น
รายละเอียดของความสัมพันธ์คงต้องไปหาอ่านในหนังสือ
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว พม่า กัมพูชา และมาเลเซีย
อ่านแล้วจะทราบว่าทำไมคนลาวถึงไม่ชอบไทย อ่านแล้วจะเข้าใจว่าทำไมพม่าหวาดระแวง
และคงจะมองเห็นถึงสาเหตุที่ชาวกัมพูชาลุกขึ้นมาเผาบริษัทไทยในพนมเปญเมื่อหลายปีก่อน
ทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในหนังสือ “ไทยในสายตาเพื่อนบ้าน ฉบับปรับปรุง”
หนังสือนี้เป็นอีกเล่มที่ขอแนะนำให้คนไทยอ่าน
เก็บไว้อ่านเป็นหนังสือนอกเวลาสำหรับผู้เยาว์-ผู้ใหญ่
อ่านให้รู้จักอดีต รับทราบความรู้สึกผู้คน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นเชิงบวก
เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีหลาย “บาดแผล” ที่ต้องเยียวยา
แต่ประวัติศาสตร์ในห้วงเวลาต่างๆ ก็สอนให้รู้ว่า เมื่อใดทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน ความวิบัติจะมาเยือนประเทศทั้งสอง
แต่เมื่อใดที่ประเทศเพื่อนบ้านจับมือเป็นมิตร เปิดการค้าขายแลกเปลี่ยน
ความเจริญงอกงามของทั้งสองชาติจะบรรเจิด
เชื่อว่าทั้งไทยและเพื่อนบ้านต่างอยากให้ประชาชนของชาติตนอยู่อย่างสันติสุข
อยากให้ความสัมพันธ์ดีๆ เกิดขึ้นระหว่างกัน
ดังนั้น การทำความรู้จักทำความเข้าใจกันและกันจึงมีความจำเป็นอย่างสูง
การมีข้อมูล การได้ทำความรู้จัก และเกิดความเข้าใจกันและกัน
น่าจะเป็นวิธีการที่นำเราไปสู่เป้าหมายของการอยู่ร่วมกัน
อยู่กันอย่างสันติ อยู่กันอย่างสงบสุข
…อยู่กันอย่างมิตร ไม่ใช่ศัตรู