ลลิตา หาญวงษ์ : ยุทธศาสตร์ยึดเมืองล่าเสี้ยวและยุทธศาสตร์ของจีนในรัฐฉานเหนือ

ไทยพบพม่า : ยุทธศาสตร์ยึดเมืองล่าเสี้ยวและยุทธศาสตร์ของจีนในรัฐฉานเหนือ

MNDAA (Myanmar National Democratic Alliance Army) หรือกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา เป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์โกก้าง (Kokang) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์หลักในรัฐฉานตอนเหนือติดชายแดนจีน MNDAA เคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า แต่เมื่อแนวทางแตกต่างกัน ผู้นำ 2 พี่น้องตระกูลเผิง (บ้างเรียกเป็ง) ได้แก่ เผิงจาชิน (Peng Kya Shin) และเผิงเจียฟู (Peng Jiafu) จึงออกมาตั้งกองกำลังของตนเองในปี 1989 อันเป็นช่วงที่มีความไม่สงบเกิดขึ้นทั่วพม่า แต่ในที่สุดก็ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าเป็นกลุ่มแรก

ความสัมพันธ์ระหว่าง MNDAA กับกองทัพพม่าที่ผ่านมามีทั้งดีและร้าย บนโต๊ะเจรจากับรัฐบาลทหารในยุค SLORC และ SPDC ผู้นำ MNDAA มักจะเป็นฝ่ายรับข้อเสนอของทหารพม่า เนื่องจากมีผลประโยชน์ภายในเขตของโกก้างมากมายมหาศาล เขตโกก้างเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นที่มีชื่อเสียงมานาน ฝิ่นเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐฉานเหนือ ทั้งโกก้าง ว้า และฉาน ในยุคสงครามเวียดนาม เมื่อทหารอเมริกันถอนออกจากอินโดจีน แทนที่การค้าฝิ่นจะลดลง กลับเพิ่มขึ้น กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้เองก็ปรับตัว ไม่ได้ขายเพียงเฮโรอีนที่สกัดมาจากฝิ่นเพียงอย่างเดียว ต่อมารัฐฉานเหนือยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตยาบ้า ยาไอซ์ และยาเสพติดทุกประเภทด้วย

อย่างไรก็ดี ผลประโยชน์จากยาเสพติดไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพพม่ากับ MNDAA ราบรื่นเสมอไป เพราะเมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นจากผลประโยชน์ หลังเกิดรัฐธรรมนูญปี 2008 รัฐบาล SPDC ของตานฉ่วยพยายามชักชวนให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลพม่า โดยจะเปลี่ยนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ให้เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF (BGF ที่เราน่าจะคุ้นกันมากที่สุดคือ BGF ของกะเหรี่ยง ของซอชิตตู่ ที่ควบคุมพื้นที่ในเมืองเมียวดีได้ในขณะนี้) ด้วยความไม่พอใจของกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ รวมทั้ง MNDAA ของโกก้าง

ADVERTISMENT

เมื่อกองทัพของโกก้างไม่ยอมแปรสภาพเป็น BGF ก็เริ่มเป็นเป้าหมายการโจมตีของกองทัพพม่า ทั่วโลกรู้ดีว่าเขตโกก้างเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นอันดับต้นๆ ของโลก แต่รัฐบาลทหารพม่ากลับออกกฎหมายให้การปลูกฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และมีนโยบายปราบปรามพื้นที่ปลูกฝิ่น ซึ่งทำให้กองทัพพม่าสามารถใช้ข้ออ้างนี้เพื่อเข้าไปปราบปรามกองกำลังของโกก้างได้ ตั้งแต่ปี 2009 เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพ MNDAA บ่อยครั้ง บ้างว่ารัฐบาลพม่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน แม้การสู้รบจะเป็นเพียงการปะทะกันเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ เมืองเล้าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตโกก้าง ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นนับหมื่นคน

หลังรัฐประหารปี 2021 กองกำลัง MNDAA กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อประกาศสนับสนุนกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ PDF ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ โดยจัดหาอาวุธและช่วยฝึกฝนทางทหารให้กับทหารของ PDF ที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มที่หลบหนีออกจากเมืองเพื่อร่วมกับรัฐบาลคู่ขนาน NUG และ PDF เพื่อต่อต้านรัฐประหารและรัฐบาล SAC ของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย นอกจากนี้ MNDAA ยังเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสามภราดรภาพ (Three Brotherhood Alliance) ที่ยังมีกองกำลังอีก 2 กลุ่ม ได้แก่ TNLA ของตะอาง (มีพื้นที่ในรัฐฉานเหนือใกล้ชายแดนจีนเช่นกัน) และ AA หรือกองทัพอาระกัน

ADVERTISMENT

หน้าที่ของกองกำลังทั้งสามคือการเป็นหูเป็นตาให้กับจีนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีนรอบๆ ท่อส่งก๊าซและน้ำมัน ที่เริ่มต้นจากอ่าวเบงกอลไปถึงมณฑลยูนนานในจีนตอนใต้ ในอันที่จริง กองกำลังสามพี่น้องนี้เกิดขึ้นก่อนรัฐประหาร แต่เพิ่งจะมาเป็นที่สนใจเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ด้วยปฏิบัติการ 1027 ที่สามพี่น้องร่วมกันโจมตีฐานและขับทหารพม่าออกไปจากเมืองเล้าก์ก่าย เมืองเอกของเขตโกก้าง และเมืองอื่นๆ รอบข้าง มีนักวิเคราะห์หลายคนที่มองว่าปฏิบัติการ 1027 มีความสำคัญยิ่งและยังประเมินถึงขนาดว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนของฝ่ายต่อต้าน ที่ทำให้กองทัพพม่าอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

หลังปฏิบัติการ 1027 กองกำลังสามพี่น้องทยอยยึดฐานของทหารพม่าอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ทราบกันดีว่า จีนเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เราเห็นความสลับซับซ้อนและโครงสร้างทางอำนาจในรัฐฉานเหนือเรื่อยมาถึงรัฐอาระกัน ระหว่าง 2021 มาถึงต้นปี 2024 อาจกล่าวได้ว่าจีนสนับสนุนกองกำลังสามพี่น้องอย่างเต็มที่ แต่เมื่อจีนเริ่มเห็นว่าการส่งเสริมให้กลุ่มชาติพันธุ์โจมตีกองทัพพม่าไม่ใช่คำตอบและไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาของจีน จีนจึงเริ่มเข้าหารัฐบาล SAC หรือฟากทหารพม่ามากขึ้น บุคคลระดับสูงของจีนได้เข้าพบอดีตประธานาธิบดีเต็ง เส่ง อดีตผู้นำ SPDC อย่างตานฉ่วย เชิญบุคคลระดับสูงของพม่าไปเยือนจีน และล่าสุดต้อนรับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย ในงานประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่เมืองคุนหมิง เป็นอย่างดี

เป้าหมายของจีนในเวลานี้คือการผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งในพม่าขึ้นให้ได้ จีนรู้ดีว่าการเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกทั้งหมด แต่นี่ดูจะเป็นโอกาสเดียวที่พม่าจะมีผู้นำคนใหม่ขึ้นมาทดแทนมิน อ่อง ลาย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารทุกกลุ่มออกมาประณามการเลือกตั้งที่น่าจะมีขึ้นในปี 2025 จีนโต้ตอบและกดดันกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มที่ตนให้การสนับสนุน เพื่อให้เลิกโจมตีฐานทหารพม่า โดยการปิดชายแดน ไม่ให้สินค้าจากจีนผ่านเข้าไปในรัฐฉานตอนเหนือได้ และยังกดดันไปถึงกองทัพว้า ไม่ให้ส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์อื่นใดให้กับ MNDAA แต่ปฏิบัติการยึดเมือง โดยเฉพาะเมืองล่าเสี้ยว (Lashio) ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ บนทางหลวงหมายเลข 3 เชื่อมชายเมืองชายแดนจีนหมู่เจ้ (Muse) กับมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า และยังเป็นที่ตั้งของฐานบัญชาการภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกองทัพพม่า ยังคงมีอยู่ต่อไป แม้จีนจะกดดัน MNDAA และ TNLA ที่เป็นพันธมิตรช่วยยึดล่าเสี้ยวทุกทาง แต่การระดมพลเข้าไปยึดล่าเสี้ยวยังมีอยู่

การกดดัน MNDAA มีหลายรูปแบบ ล่าสุดจีนยังควบคุมตัวเผิงต้าซุน (Peng Daxun บ้างเรียก Peng Daren) ไว้ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดที่คุนหมิง โดยยื่นคำขาดให้ MNDAA ถอนทัพออกจากล่าเสี้ยว ผู้เขียนมองว่าท่าทีของจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ที่พยายามกดดันกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ให้ถอนกองกำลังออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์ และกลับไปเจรจากับรัฐบาล SAC เป็นวิธีการของคนที่ “หมดมุข” แล้ว จีนรู้ดีว่า จีนไม่สามารถเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่จะช่วยให้เกิดเสถียรภาพที่แท้จริงในพม่าได้ แม้ในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองโดยตรง เช่นในรัฐฉานตอนเหนือ จีนก็ไม่สามารถคาดหวังว่าเสถียรภาพจะเกิดเมื่อตนใช้กำลังข่มขู่กลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ และการเลือกตั้งในเวลานี้ก็ไม่ใช่คำตอบที่จะสร้างความสงบแบบ once and for all ในพม่าได้อย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image