พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ล่อเสือ จากถ้ำ รอซ้ำ ในยาม ‘เปลี้ย’ กำจัด ‘บริวาร’

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ล่อเสือ จากถ้ำ รอซ้ำ ในยาม ‘เปลี้ย’ กำจัด ‘บริวาร’

เมื่อพระเจ้าฮั่นเต้เห็นชอบกับกลยุทธ์อันเสนอมาจากตันแผง จึงได้มีหนังสือกำหนดวันคืนที่จะเสด็จ ประกาศแก่ขุนนางหัวเมืองทั้งปวงตามถ้อยคำตันแผง

VIDEO CONTENT AVERTISEMENT

กระบวนท่า “เสด็จเลียบเมือง” ครั้งนี้ “แยบยล”

ผลที่ปรากฏอย่างฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงได้แจ้งดังนั้นก็ชวนกันออกมาคอยรับเสด็จอยู่ตามรับสั่ง

ADVERTISMENT

ไม่ว่าจะเป็น “หานซิ่น” อันถือว่าเป็น “เป้าหมาย” โดยตรง

ยุทธนิยาย “ไซ่ฮั่น” สำนวนวังหลังระบุว่า “หานซิ่นนั้นยังไม่มาด้วยคิดเกรงว่าตัวได้กระทำความผิด”

ADVERTISMENT

การออกมาของแต่ละ “หัวเมือง” เป็นไปตามคาดอยู่แล้ว

หากความละเอียดอ่อนอย่างที่สุดย่อมอยู่ที่ว่ากระบวนท่า “เสด็จเลียบเมือง” ครั้งนี้จะส่งผลสะเทือนให้กับหานซิ่นอย่างไร

มากน้อย หนักเบา หรือไม่มีผลอะไรเลย

หานซิ่นปรึกษาขุนนางว่า “ซุยโหมาบอกเราว่าขุนนางในเมืองหลวงฟ้องเราว่าซ่อนจงลิมวยไว้ บัดนี้เราจะออกไปรับเสด็จพระเจ้าฮั่นเต้ ณ เมืองตั้งซ่าย

ถ้าพระเจ้าฮั่นเต้รู้ว่าจงลิมวยมาอยู่กับเราก็จะมิเอาโทษเราหรือ

จำเราจะฆ่าจงลิมวยเสีย ตัดเอาศีรษะไปถวายพระเจ้าฮั่นเต้ เราจึงจะพ้นความผิด”

ขุนนางทั้งปวงก็เห็นชอบด้วย

หานซิ่นจึงเข้าไปในสวนดอกไม้บอกกับจงลิมวยว่า “พระเจ้าฮั่นเต้เสด็จมาเลียบเมืองให้เราไปคอยรับเสด็จ ณ เมืองตั้งซ่าย

บัดนี้พระเจ้าฮั่นเต้รู้ว่าเราซ่อนท่านไว้

คิดแคลงว่าเราเก็บท่านจะเป็นขบถ ครั้งนี้ ท่านอย่าคิดน้อยใจเลย เราจำจะทำแก่ท่านให้พระเจ้าฮั่นเต้สิ้นความสงสัย”

เข้าลักษณะจำสังหาร “จงลิมวย” เพื่อให้รอดจาก “ภัย”

แจ่่มชัดว่าหานซิ่นตัดสินใจอย่างไร แจ่มชัดว่าแรงสะเทือนจาก “กระบวนท่า” อันมาจากพระเจ้าฮั่นเต้ส่งแรงสะเทือน

จงลิมวยได้ฟังหานซิ่นว่าดังนั้นจึงว่า

“เดิมเราดูท่านว่าเป็นคนมีสติปัญญาลึกซึ้ง บัดนี้ เราเห็นท่านเป็นคนโฉดเสียแล้ว ถ้าวันนี้ท่านฆ่าเราเสียไม่ช้านักพระเจ้าฮั่นเต้ก็จะฆ่าท่านตายตามเราไป

ซึ่งท่านหมายว่าจะได้อยู่เป็นสุขไปนั้น หามิได้”

หานซิ่นจึงว่า “เมื่อพระเจ้าฮั่นเต้จะเสียสัตย์ จะฆ่าเราเสียก็ตามเถิด เราก็คงจะฆ่าท่านให้พระเจ้าฮั่นเต้เห็นความจริงของเราที่เรากับท่านมิได้เป็นขบถ”

จงลิมวยได้ฟังหานซิ่นพูดจาตัดรอนดังนั้นก็โกรธ

ลุกขึ้นชี้หน้าด่าหานซิ่นว่า “อ้ายทรชน มึงไม่คิดถึงคุณกูเลย เสียดายกูจะตายเสียก่อนจะไม่ได้เห็นเมื่อฮั่นเต้ฆ่ามึง”

จงลิมวยว่าดังนั้นแล้วก็ชักกระบี่ออกเชือดคอตายเสีย

เรื่องระหว่างหานซิ่นกับจงลิมวยเหมือนจะจบลงแล้ว แต่เรื่องระหว่างหานซิ่นกับพระเจ้าฮั่นเต้ยังไม่จบ

จะเป็นไปตามคำของจงลิมวยหรือไม่ น่าศึกษา

จะเป็นไปตามความเชื่อของหานซิ่นที่ในเมื่อตนปฏิบัติตามที่พระเจ้าฮั่นเต้กำหนดวางเอาไว้แล้วทุกอย่างก็น่าจะราบรื่น

ทุกอย่างมิได้ดำเนินไปในแบบ 1 บวก 1 เป็น 2

ทุกอย่างเหมือนกับจะดำเนินไปตามความคาดหมายของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะมองจากด้านของพระเจ้าฮั่นเต้ ไม่ว่าจะมองจากด้านของตันแผง

ไม่ว่าจะมองจากด้านของจงลิมวย

กระนั้น หากมองจากด้านของหานซิ่น เมื่อเห็นจงลิมวยชักกระบี่ออกเชือดคอต่อหน้าต่อตา หานซิ่นก็เข้าไปตัดเอาศีรษะจงลิมวยออกมา คอยรับเสด็จพระเจ้าฮั่นเต้อยู่ ณ เมืองตั้งซ่าย

การมิได้เป็นไปตามที่หานซิ่นปรารถนา

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นเต้ ครั้นถึงวันกำหนดก็ยกทหารออกจากเมืองหลวงผ่านหัวเมืองทั้งปวงไป
ครั้นถึงเมืองตั้งซ่ายก็หยุดให้ประทับอยู่ที่นั่น

บรรดาขุนนางทั้งปวงก็พากันมาเข้าเฝ้าเป็นอันมาก

หานซิ่นก็เอาศีรษะจงลิมวยเข้ามาถวาย พระเจ้าฮั่นเต้จึงว่าแก่หานซิ่นว่า “ตัวเอาจงลิมวยมาซ่อนไว้ แต่เราให้ประกาศป่าวร้องมาช้านานตัวก็แกล้งปกปิดกันเสียหาเอาเนื้อความมาบอกเราไม่

บัดนี้รู้ว่าเรามาเลียบเมืองเห็นว่าเนื้อความจะไม่มิดหรือจึงจำใจเอาศีรษะมาให้เราจะให้เราสิ้นความสงสัย

อย่าทำไปเลยเราเห็นน้ำใจเสียแล้ว ซึ่งตัวจะได้ซื่อตรงต่อเรานั้น หามิได้”

พระเจ้าฮั่นเต้ว่าดังนั้นแล้วก็สั่งให้ทหารจับตัวหานซิ่นมัดไพล่หลังเข้า นี่ย่อมสร้างความตื่นตะลึงให้กับหานซิ่นเป็นอย่างสูง

ตรงนี้ทำให้นึกถึงคำที่ว่า “กาลเวลาพิสูจน์คน” ได้เป็นอย่างดี

หานซิ่นร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ข้าพเจ้าเป็นข้าหลวงเดิม กระทำความชอบมาจนพระเจ้าฮั่นเต้ได้แผ่นดิน ข้าพเจ้าก็ยังมิได้ทำผิดอันใด

บัดนี้ พระเจ้าฮั่นเต้เชื่อฟังคำคนยุยง มากระทำโทษข้าพเจ้าเปล่าๆ”

พระเจ้าฮั่นเต้จึงว่า “เหตุไรตัวจึงว่าไม่ผิดอีกเล่า โทษตัวผิดถึง 3 ข้อ ข้อหนึ่ง เราตั้งตัวเป็นเจ้าเมืองหมายจะให้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข

ตัวกลับกระทำการเบียดเบียนอาณาประชาราษฎร์

เอาศพบิดา มารดาไปฝังไว้ในที่ราษฎร ให้ราษฎรขาดประโยชน์ทำมาหากิน ได้ความเดือดร้อน โทษตัวก็ผิดอยู่ข้อหนึ่ง

ข้อหนึ่ง มิได้มีกิจราชการสงคราม

แล ตัวตั้งซ้อมหัดทะแกล้วทหาร ตรวจเตรียมเป็นขบวนทัพ ทำให้คนทั้งปวงสะดุ้งสะเทือนมิได้เป็นปกติ ตัวก็ผิดเป็น 2 ข้อแล้ว

ประการหนึ่ง เราได้มีหนังสือประกาศว่า ถ้าผู้ใดคบซ่อนบังจงลิมวยไว้จะเอาเป็นโทษ ตัวก็หาเกรงเราไม่ ขืนคบจงลิมวยไว้ ซึ่งตัวกระทำการดูหมิ่นเรา ทั้งนี้ไม่ผิดดอกหรือ”

แจ่มชัดว่าทางด้านพระเจ้าฮั่นเต้มีความพร้อมเป็นอย่างสูง

หากมองจากด้านของหานซิ่น เด่นชัดยิ่งว่าอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ” เนื่องจากที่รุกคือ พระเจ้าฮั่นเต้

ภาพที่หานซิ่นถูกรวบตัว ใครเลยจะคาดคิด

ไม่ว่าจะมองจากด้านของหานซิ่น ไม่ว่าจะมองจากด้านของขุนนางที่ปรากฏตัวอยู่โดยรอบ

ที่เรียกว่าเหนือความคาดคิดคืออะไร

ที่หานซิ่นอ้างบนฐานแห่งการเป็น “ข้าหลวงเดิม” นั้นมีน้ำหนัก เพียงแต่เป็นน้ำหนักอันเป็น “อดีต” ผ่านพ้นมาแล้ว

ความสำคัญอยู่ที่ “ปัจจุบัน” มากกว่า

นี่มิได้เป็นเรื่อง “ยืมดาบฆ่าคน” หากแต่เป็นการ “รอตียามเปลี้ย” เป็นการ “ขู่ซ้ายตีขวา” และ “ตีซ้ำตามไฟ”

หนักหน่วงยิ่งกว่านั้น คือเป็นการ “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”

มีความจำเป็นต้องศึกษา “กระบวนท่า” ในการสัประยุทธ์ของหานซิ่นอย่างเป็นพิเศษว่ายังดำรงลักษณะคมเข้มไว้ได้มากน้อยเพียงใด

แม้ว่าจะดำเนินไปในกระสวน “รอตียามเปลี้ย”

กระนั้น ก็มีความสำคัญไม่เพียงแต่กรณีศึกษาจากความคิดในแบบของหานซิ่นเท่านั้น หากที่สำคัญนั่นก็คือผลสะเทือน ต่อบรรดาขุนนาง ต่อบรรดาขุนพลทั้งหลายอันเคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา

สีสัน “เสร็จนาฆ่าโคถึก” ฉายสะท้อนอย่างชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image