พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : เส้นทาง ขุนพล นกสิ้น เกาทัณฑ์ซ่อน อุทาหรณ์ พราน

นกสิ้น เกาทัณฑ์ซ่อน

หานซิ่นจึงว่า “ซึ่งมีผู้มากล่าวโทษว่าข้าพเจ้ากระทำดังนั้นก็จริง แต่ข้าพเจ้าจะขอกราบทูลให้ทราบก่อน ด้วยข้าพเจ้ายังอนาถาหาที่พึ่งมิได้
ครั้นบิดามารดาข้าพเจ้าตายจึงเอาศพไปฝังไว้ในที่ผู้อื่น
ครั้นไต้อ๋องเอาข้าพเจ้ามาชุบเลี้ยงตั้งแต่งให้เป็นเจ้าเมืองข้าพเจ้าคิดจะสนองคุณบิดามารดา เห็นที่ว่างเปล่าอยู่แห่งหนึ่งข้าพเจ้าจึงขุดศพบิดามารดาขึ้นแต่งการฝังศพที่นั้น
แต่ก่อกำแพงแก้วที่ก่อล้อมกุฏิศพนั้นเกินเข้าไปในนาราษฎรประมาณศอกเศษ
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าเป็นแต่การนิดหน่อยเท่านั้น ข้าพเจ้าได้มีบุญคุณไว้แก่ราษฎรเป็นอันมาก
หาควรที่จะให้ขัดเคืองถึงไต้อ๋องไม่

ข้อซึ่งว่าข้าพเจ้าซ้อมหัดทะแกล้วทหารนั้น ด้วยข้าพเจ้าคิดเห็นว่าเชื้อสายของหลอกงมีอยู่จึงแกล้งกระทำให้กิตติศัพท์ปรากฏไว้หมายจะมิให้ผู้ใดคิดการ
เกิดเป็นเสี้ยนหนามขึ้นในแผ่นดินไต้อ๋องได้
ไต้อ๋องจะได้ครองราชสมบัติเป็นสุข ข้าพเจ้าจะได้คิดเป็นขบถ หามิได้
แต่ซึ่งข้าพเจ้ามิได้เอาตัวจงลิมวยมาถวายแต่แรกนั้นด้วยข้าพเจ้าคิดว่าจงลิมวยได้มีคุณไว้แก่ข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้ายังทำราชการอยู่กับหลอกง
หลอกงจะฆ่าข้าพเจ้าเสียหลายครั้งเพราะจงลิมวยแก้ไขข้าพเจ้าจึงได้รอดชีวิต
ครั้งนี้จงลิมวยไปอาศัยข้าพเจ้าอยู่ข้าพเจ้าจึงเสียมิได้ แล้วได้ยินข่าวว่าไต้อ๋องจะเลี้ยงจงลิมวยข้าพเจ้าจึงคิดว่าถ้าได้เข้ามาเฝ้าเมื่อไรก็จะพาจงลิมวยเข้ามาด้วย
ครั้นรู้ว่าไต้อ๋องไม่เลี้ยงจงลิมวยแล้วข้าพเจ้าจึงฆ่าจงลิมวยเสีย
ซึ่งข้าพเจ้ากระทำการทั้งนี้โดยน้ำใจสุจริต ข้าพเจ้าจึงถือตัวว่าข้าพเจ้าหาความผิดมิได้”
นี่ย่อมเป็นข้ออ้าง “หานซิ่น” นี่ย่อมเป็น “กระบวนท่า” หานซิ่น

พระเจ้าฮั่นเต้ได้ฟังหานซิ่นว่าดังนั้น ก็หัวเราะ จึงว่า “อันความผิดของตัวนี้มิใช่จะพึ่งมีครั้งนี้หามิได้
แต่ก่อน ตัวก็กระทำผิดไว้อยู่
เมื่อครั้งตัวเป็นแม่ทัพยกไปตีเจ๋อ๋องตัวก็ชิงเอาความชอบหลีเสงแกล้งทำให้เจ๋อ๋องฆ่าหลีเสง คนเก่าเราเสีย
โทษตัวก็ผิด
เมื่อครั้งเราเข้าที่ล้อมหลอกง ณ เมืองเอ๊กเอี้ยงนั้น เราให้มีหนังสือไปหาตัวเป็นหลายครั้งตัวก็แกล้งบิดพลิ้วเสียไม่ยกมาช่วย
ทำทีเป็นประหนึ่งจะแกล้งให้หลอกงจับเราไว้
หากว่าบุญของเราจึงหาเป็นอันตรายไม่ ครั้นสำเร็จราชการแล้วเราจะให้ตัวไปเป็นเจ้าเมืองฌ้อตัวก็ว่ากล่าวขัดขืนจะขอไปอยู่เมืองเจ๋
คิดกระทำการดูหมิ่นเราถึงเพียงนี้ ซึ่งตัวว่าน้ำใจซื่อตรงต่อเรา เราไม่เห็นด้วย”

หานซิ่นได้ฟังพระเจ้าฮั่นเต้ว่าดังนั้น ก็ทอดใจใหญ่ จึงเหลียวหน้าไปทางขุนนางทั้งปวงแล้วว่า “ตัวเราครั้งนี้ต้องกับตำราโบราณที่ว่าไว้ว่า
พรานนก กับ พรานเนื้อ นั้นเอง
ด้วยลักษณะพรานนกนั้นจะรักใคร่ธนูก็ต่อเมื่อตัวจะต้องการยิงนกเท่านั้น ครั้นสิ้นนกแล้วก็ทิ้งธนูเสีย
หานับถือไม่
พรานเนื้อเล่า ถ้าสิ้นเนื้อแล้วก็ประหารชีวิตของสุนัขของตัวกินเสีย
อันคำโบราณสองประการนี้ควรจะเอาเป็นคติต่อไปได้”
ขุนนางทั้งปวงก็นิ่งอยู่สิ้น

ADVERTISMENT

ที่ยุทธนิยาย “ไซ่ฮั่น” ฉบับวังหลัง บรรยายท่อนสุดท้ายว่าเมื่อหานซิ่นพูดจบ ขุนนางทั้งปวงก็นิ่งอยู่สิ้น
อาจนิ่งเพราะอยู่เบื้องหน้าพระเจ้าฮั่นเต้
ขณะเดียวกัน ก็นิ่งเพราะว่าอุปมาว่าด้วย “พรานนก” กับ “พรานเนื้อ” ซึ่งดำรงอยู่ในนิยายโบราณนั้นมีความแจ่มชัด
เป็นความแจ่มชัดในยุคแห่ง “เลียดก๊ก”
เป็นความแจ่มชัดเนื่องจากเป้าหมายที่หานซิ่นต้องการสื่อก็คือ กลุ่มที่เรียกว่า
“ขุนนางทั้งปวง” นั้นเอง
เห็นได้จากอาการ “ทอดถอนใจใหญ่”
เห็นได้จากหลังจากทอดถอนใจใหญ่แล้วก็ “เหลียวหน้าไปทางขุนนางทั้งปวง” แล้วจึงได้พูด
ความนิ่งของบรรดา “ขุนนางทั้งปวง” จึงเป็น “คำตอบ” หนึ่ง

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นเต้ก็เอาตัวหานซิ่นใส่ท้ายรถยกทหารกลับมา ณ เมืองห้ำเอี๋ยง ครั้นมาทางประมาณ 30 เส้น
พอเวลาบ่าย 2 จึงสั่งให้หยุดประทับอยู่ริมชายป่า
พระเจ้าฮั่นเต้จึงลงจากรถขี่ม้าจะไปเที่ยวเล่นในป่านั้น ครั้นไปถึงป่าแห่งหนึ่งม้าพระที่นั่งที่พระเจ้าฮั่นเต้ทรงไปนั้นตกใจหยุดร้องอยู่
พระเจ้าฮั่นเต้จึงสั่งห้วนโกยคุมทหารประมาณหมื่นหนึ่งเข้าค้นดูในป่านั้น จึงพบทหารผู้หนึ่งอายุประมาณ 30 ปี ถือเกาทัณฑ์ยืนแอบต้นไม้อยู่ ห้วนโกยก็จับตัวมาถวายพระเจ้าฮั่นเต้
พระเจ้าฮั่นเต้จึงถามทหารผู้นันว่า “เอ็งชื่อไร เหตุใดจึงถืออาวุธมาคอยแอบอยู่ฉะนี้”
อักเซียวเลียนจึงบอกว่า
“ข้าพเจ้าชื่ออักเซียวเลียนอยู่ ณ บ้านซุยอิ๋ม เห็นท่านจับตัวหานซิ่นมา แลหานซิ่นมิได้กระทำผิดสิ่งใด ข้าพเจ้าคิดถึงคุณหานซิ่นจึงตามมาหมายจะชิงเอาตัวหานซิ่นให้จงได้
เมื่อเป็นเคราะห์ของข้าพเจ้ายังมิทันได้สนองคุณหานซิ่น ท่านจับตัวข้าพเจ้าได้ก็ตามแต่จะทำโทษเถิด”

ADVERTISMENT

พระเจ้าฮั่นเต้ว่า “เอ็งคิดกระทำการดังนี้มิใช่จะหมายมาชิงแต่หานซิ่น เอ็งก็หมายจะทำอันตรายเราด้วย
นี่หาว่าจับตัวได้ หาไม่เอ็งจะฆ่าเราเสีย”
พระเจ้าฮั่นเต้ก็สั่งให้ตีอักเสียวเลียนจนตาย หานซิ่นรู้ว่าอักเสียวเลียนตายก็ร้องไห้
ฝ่ายพระเจ้าฮั่นเต้ก็ยกทหารกลับมาถึงเมืองห้ำเอี๋ยง
แต่บรรดาขุนนางที่ไม่ได้ตามเสด็จไปก็ชวนกันคอยรับเสด็จพระเจ้าฮั่นเต้ ณ ประตูเมือง
เชิญเสด็จเข้าไปในพระราชวัง
พระเจ้าฮั่นเต้ก็สั่งทหารให้เอาตัวหานซิ่นไปจำไว้ ณ ตำแหน่งคนโทษ

คําถามอันแหลมคมอย่างยิ่งของหานซิ่นไม่เพียงอยู่ที่คำทำนายของจงลิมวย ในห้วงที่หานซิ่นกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
นั่นก็คือ “หาฆ่าข้า ท่านก็ไม่รอด”
บทสรุปนี้เหมือนกับจะเสนอ “หนทาง” ให้ แต่ก็เป็นหนทางซึ่งล่อแหลมและเสี่ยง ต่ออันตรายที่จะตามมาเป็นอย่างสูง
ในที่สุด หานซิ่นก็ไม่เลือก
การเลือกของหานซิ่นเป็นไปตามความต้องการของพระเจ้าฮั่นเต้ แม้มิได้เป็นความต้องการโดยแท้ของหานซิ่นก็ตาม
ถามว่า “หนทาง” ของหานซิ่นดำเนินไปอย่างไร
ที่น่าสนใจก็คือ ไม่เพียงแต่จะมีคนอย่างอักเซียวเลียนหากแต่ยังมีปรากฏการณ์อื่นอันทำให้ความปรารถนาของพระเจ้าฮั่นเต้มิได้เป็นตามความต้องการ
แม้ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ธง “นกสิ้น เกาทัณฑ์ซ่อน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image