ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
หากอาศัยการติดตามข่าวสารที่ท่วมท้นจากสื่อ ซึ่งโซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นตัวกำหนดแนวโน้มความคิดของผู้คน จะรู้สึกว่า ความเป็นไปต่างๆ เริ่มที่จะวุ่นวาย
จำเป็นต้องวางแผน วางใจ ตั้งรับปีใหม่ที่จะเริ่มในอีกไม่กี่วันด้วยความรอบคอบระมัดระวังกันเลยทีเดียว
บรรยากาศปีนี้ที่จะส่งผลเนื่องไปยังปีใหม่
ในทางการเมืองดูคล้ายกับจะมีคำถามเรื่องเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยทั้งปรากฏการณ์เดินไปคนละทางของพรรคร่วมรัฐบาลมีให้ได้รับรู้ถี่ๆ ทั้งกิจกรรมของนักการเมืองที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศการหาเสียง ทั้งที่ตามวาระจะหมดลงปี 2570 โน่น ทำให้เกิดความคิดไปถึงเหตุที่จะทำให้ต้องเลือกตั้งกันใหม่
ภาวะเศรษฐกิจ วิกฤตที่เกิดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำคนกลุ่มเล็กที่ยึดครองโอกาสการสร้างรายได้ กำไร ความร่ำรวยมากมาย ขณะที่คนส่วนใหญ่ทำมาหากินยากลำบากขึ้น รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินเพื่อเยียวยาให้สามารถประคองชีวิตได้ พร้อมๆ กับกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อหวังฟื้นการหมุนของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งยังหวังในสัมฤทธิผลไม่ได้
ส่วนความเป็นไปทางสังคม สำนึกในการทำมาหากินของผู้คนสะท้อนมาในภาพของค่านิยมต้มตุ๋นหลอกลวงที่แปลกและน่าเศร้าตรงที่ทำกันเหมือนไม่รู้ว่าเป็นความผิด ความเลวร้าย
ข่าวคราวเรื่องการโกงเกิดขึ้นโดยทั่วไป ตั้งแต่บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทของนักธุรกิจรุ่นใหม่ จนถึงกิจการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังเจริญรุ่งเรืองจนเป็นภาระหนักหนาของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย
แนวโน้มที่จะเนื่องไปปีหน้าเท่าที่ฟังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ไม่น่าจะมีอะไรต่างไปจากนี้นัก
เหมือนกับว่าเป็นการเริ่มต้นปีที่ไม่หนัก ดูจะง่อนแง่นเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หากละเสียซึ่งการตัดสินด้วยความรู้สึกจากกระแสข่าวสาร มามองที่ความเป็นไปที่เป็นจริง จะพบว่าแม้สภาวะเศรษฐกิจและสภาพสังคมจะยากในการฟื้นฟูและเยียวยา เพราะปัญหาหมักหมมมายาวนาน การคลี่คลายไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่กระนั้นก็ตาม ในความเป็นไปทางการเมืองสามารถมองต่างมุมออกไปได้
จะพบว่าแม้มีภาพของความยุ่งยาก แต่หากมองไปที่ผลของแต่ละเรื่อง กลับมองเห็นแนวโน้มที่สะท้อนความหนักแน่นมั่นคง ไม่ได้คลอนแคลนไปเหมือนกับที่หนักใจกันอยู่
เมื่อมองให้ลึกลงไปจะพบว่าถึงวันนี้เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลมีการสะท้อนถึงความมั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนก็คือผู้นำประเทศแสดงออกด้วยความมั่นใจในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่อย่างไม่กังวล
ความเคลื่อนไหวที่ต่อต้านอำนาจรัฐถูกตอบโต้อย่างเท่าทัน “นิติสงคราม” ที่สั่นคลอนรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน ถึงวันนี้หลายปรากฏการณ์เห็นได้ว่าไม่ได้สร้างปัญหาให้เหมือนที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีภาพของการจัดการกับขบวนการที่มุ่งทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิ เวลาในการทำงาน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันมากและเด็ดขาดขึ้น
เกมรุกเพื่อทำให้การเมืองนิ่ง น่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปีหน้า
เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำลายความสามารถในการพัฒนาประเทศ
การจัดการให้เสถียรภาพรัฐบาลมีความมั่นคงจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นก่อน หากหวังว่าจะฟื้นความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม