จำปาขอมของพ่อขุนผาเมือง โดย รศ.ทวี ผลสมภพ

เป็นเวลาเกือบยี่สิบปีผ่านมาแล้ว หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ทำสกู๊ปข่าว ต้นจำปาขาวของพ่อขุนบางกลางหาว (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ผู้เป็นกษัตริย์องค์แรกของกรุงสุโขทัย) ที่ยังยืนต้นให้คนรุ่นเราได้เห็นอยู่ แม้จะมีอายุล่วงเลยมาถึงเกือบ 800 ปีแล้วก็ตาม ในคราวนั้นเป็นที่ฮือฮากันมาก จนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯไปทอดพระเนตร และมีรับสั่งให้ทำการบำรุงอย่างดี เพื่อให้จำปาขาวแข็งแรงและมีอายุยืนสืบต่อไป

ต้นจำปาขาวต้นนี้มีจุดเด่นอยู่ 2 ประการ คือ หนึ่ง เป็นต้นจำปาที่มีดอกขาวผิดธรรมชาติ ซึ่งตามธรรมชาติจำปาต้องมีดอกสีเหลืองเท่านั้น สอง เป็นต้นจำปาที่พ่อขุนบางกลางหาวท่านปลูกไว้เอง ที่คุ้มเนินจันทร์ อันเป็นคุ้มของท่าน ที่เมืองบางยาง ทุกวันนี้คือวัดกลาง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ขณะนี้ยังยืนต้นอยู่ ขอให้ผู้สนใจไปชมได้

เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ต้นจำปาขาวที่พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ผู้ร่วมมือกับพ่อขุนผาเมือง ขับไล่ขอมออกจากเมืองสุโขทัย ยังยืนต้นให้ชาวไทยได้ไปชมกันอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกอีกเช่นกันที่ต้นจำปาขอมที่พ่อขุนผาเมืองท่านปลูกไว้ มีเฉพาะคนท้องถิ่นแถบนั้นเท่านั้นที่รู้จัก คนไทยทั่วประเทศยังไม่มีใครรู้จักเท่าไรนัก ต้นจำปาขอมที่พ่อขุนผาเมืองท่านปลูกไว้ก็มีอายุพอๆ กับต้นจำปาขาวของพ่อขุนบางกลางหาวเช่นกัน คือประมาณ 800 กว่าปีมาแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังยืนต้นให้ชมอยู่ แต่ผิวของต้นไม้ตอนที่ผู้เขียนไปพบครั้งแรกประมาณ 20 ปีผ่านมาแล้วเหมือนผิวของคนชราที่หง่อมเต็มที่แล้ว เพราะไม่มีคนดูแล ทุกวันนี้ดีขึ้นเพราะทางจังหวัดเข้าไปดูแล

จุดที่น่าสนใจก็คือ พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง และพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ทั้งคู่ร่วมมือกันยึดเมืองสุโขทัยจากขอมสำเร็จ แล้วประกาศให้ชาวไทยเป็นอิสระจากขอมนับจากนั้นเป็นต้นมา และในเมื่อต้นไม้ที่ท่านทั้งสองปลูกไว้ที่เมืองของท่านยังยืนต้นอยู่ เกือบจะพันปีเข้าไปแล้ว เราจะไม่สนใจต้นไม้ทั้งสองต้นเลยก็ดูกระไรอยู่ เรื่องอาจจะแสดงถึงว่า พ่อขุนทั้งคู่นั้นก่อนที่ร่วมมือกันทำงานใหญ่ ทรงอธิษฐานการปลูกต้นไม้เสี่ยงทาย ทำนองว่าถ้าพระองค์จะเป็นผู้นำชาวไทยสลัดแอกออกจากขอมสำเร็จ ก็ขอให้ต้นไม้ 2 ต้นนี้จงเจริญงอกงาม แต่ถ้าไม่สำเร็จขอให้ต้นไม้ 2 ต้นนี้จงเหี่ยวเฉาตายไป

Advertisement

เมื่อปรากฏว่าต้นไม้ทั้งสองต้นนี้เจริญเติบโต ท่านทั้งสองจึงลงมือทำงานใหญ่ดังกล่าว แล้วก็ประสบความสำเร็จ จากปี พ.ศ.1871 จนถึงขณะนี้ ความเป็นเอกภาพของไทยก็ยังคงอยู่ ต้นไม้ทั้งสองต้นก็ยังคงยืนต้นอยู่เช่นกัน น่าชื่นใจอะไรเช่นนั้น!

เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือ การเสียสละของพ่อขุนผาเมืองในการตีเมืองสุโขทัยนั้น พ่อขุนบางกลางหาวนำกำลังพลเข้าตีเมืองทางประตูหนึ่ง ส่วนพ่อขุนผาเมืองก็เข้าตีทางประตูหนึ่ง ผลปรากฏว่าพ่อขุนผาเมืองเข้าเมืองได้ก่อน พ่อขุนบางกลางหาวต้องการให้พ่อขุนผาเมืองเป็นปฐมกษัตริย์ของไทยในฐานะเข้าเมืองได้ก่อน แต่พ่อขุนผาเมืองไม่ยอม เพราะท่านรู้ฐานะของท่านเองดีว่าท่านเป็นเขยของกษัตริย์ขอม โดยขอมยกพระราชธิดาชื่อเจ้าหญิงสิงขรเทวีให้เป็นพระชายา แล้วประทานนามว่าศรีอินทราบดินทราทิตย์ พร้อมประทานพระแสงขรรค์อาญาสิทธิ์ให้ปกครองอยู่ในเขตนี้แทนกษัตริย์ขอมที่พระนคร ถ้าท่านรับเป็นปฐมกษัตริย์ จะไม่มีความมั่นคงของชาติพอ พ่อขุนบางกลางหาวจึงยินยอมรับเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรไทย พ่อขุนผาเมืองจึงนำเอานามของท่านมาสถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ว่า ศรีอินทราทิตย์

แล้วมอบพระแสงขรรค์อาญาสิทธิ์ที่กษัตริย์ขอมประทานให้ท่านนั้นให้ขุนศรีอินทราทิตย์ ทำหน้าที่ปกครองคนไทยต่อไป ขณะเดียวกันท่านก็ยกน้องสาวของท่าน คือพระนางเสือง ให้เป็นชายาของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์อีกด้วย

Advertisement

การเสียสละของท่านทำให้ไทยเป็นเอกภาพ มีความเข้มแข็งมาจนถึงปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตของท่านต้องระหกระเหิน ครอบครัวแตกสลาย ประวัติศาสตร์ตามหลักสูตรของทางการที่ให้นักศึกษาเรียนกล่าวแต่เพียงว่า เมื่อพ่อขุนทั้งคู่ตีเมืองได้แล้ว พ่อขุนบางกลางหาวได้เป็นปฐมกษัตริย์ ปกครองบ้านเมืองตามลำดับมา ไม่มีการพูดถึงชีวิตของพ่อขุนผาเมืองเลยว่าจากนั้นท่านเป็นอย่างไร

ผู้เขียนได้พบประวัติของท่านที่เป็นจารึกท้องถิ่น ซึ่งเป็นเมืองราดที่ท่านเป็นเจ้าเมืองอยู่สมัยนั้น ณ ที่นั้น คือ บ้านห้วยโป่ง ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ประวัตินั้นจารึกไว้ที่หินอ่อน มีทั้งหมด 3 แผ่น จารึกนั้นเล่าประวัติของพ่อขุนหลังจากประกาศอิสรภาพให้ชาวไทยแล้วว่า พระนางสิงขรเทวี เมื่อทราบว่าพ่อขุนร่วมมือกับพ่อขุนบางกลางหาวยึดเมืองสุโขทัย แล้วประกาศอิสรภาพของชาวไทย พระนางคิดว่าพระสวามีทรยศต่อพระบิดา จึงรบเร้าให้พระสวามีไปยึดเอาเมืองสุโขทัยคืน พ่อขุนผาเมืองปฏิเสธอย่างเด็ดขาด การปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยของพ่อขุนสร้างอารมณ์แค้นให้พระชายา ในฐานะสามีภรรยา ทำนองว่าเธอไม่เห็นแก่พ่อของฉัน (น่าจะเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 7) ผู้ให้ยศตำแหน่งแก่เธอ เธอต้องคิดถึงตัวฉันที่เป็นภรรยาของเธอ แต่นี่เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เธอคงไม่รักฉันแล้วใช่ไหม?

เมื่อคิดได้อย่างนี้ พระนางก็ประชดสามีด้วยการเผาเมืองราดทั้งเมืองจนวอดวายหมดสิ้น เมื่อพระนางทำลายทุกอย่างหมดสิ้นสมความแค้นแล้ว พระนางก็ไปทำลายชีวิตของพระนางที่แม่น้ำป่าสัก ด้วยการไปกระโดดน้ำทำลายชีวิต เพราะพระนางคงมีความสำนึกว่า พระนางจะไปมองหน้าพระราชบิดาและชาวกัมพูชาได้อย่างไร ในฐานะที่ความงามของพระนางไม่สามารถสยบสามีไว้ได้ ผู้หญิงบางคนคิดอย่างนี้!

จากนี้ขอถ่ายทอดชีวิตของพ่อขุนผาเมืองตามจารึกท้องถิ่นคำต่อคำดังต่อไปนี้ “พ่อขุนผาเมืองผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ต้องสูญเสียพระมเหสี พระองค์ได้เสด็จออกจากเมืองราด (บ้านห้วยโปง ต.บ้านหวาย) และล่องไปตามแม่น้ำป่าสัก ไปพักแรมที่เมืองศรีเทพ และจากนั้นได้เดินทางไปยังเมืองละเม็ง อยู่ในเขตเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นสถานที่แห่งสุดท้าย และได้สิ้นพระชนม์ ณ ที่แห่งนี้”

หากว่าเรารับรู้ว่าชีวิตคนคนหนึ่งที่ทำประโยชน์ให้คนส่วนใหญ่ แล้วผลจากการทำอย่างนั้นทำให้เมียของเขาต้องฆ่าตัวตาย ครอบครัววิบัติ ชีวิตต้องระหกระเหิน ทุกคนคงเกิดความสงสาร พ่อขุนผาเมืองตกอยู่ในคนประเภทนั้น ถามว่าทำไมพ่อขุนผาเมืองจึงไม่ไปอยู่ช่วยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อยากจะตอบแทนท่านว่า ในฐานะที่พ่อขุนผาเมืองเป็นผู้นำที่สำคัญ และเป็นที่เกรงพระทัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ถ้าพ่อขุนผาเมืองมาอยู่ช่วย จะทำให้การปกครองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ไม่ราบรื่นก็ได้ ในทำนองว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน ท่านจึงสู้ออกไปให้พ้นการรับรู้ของพระปฐมกษัตริย์ไทยเสีย เป็นการเสียสละอย่างบริสุทธิ์จริงๆ แล้วเราจะเห็นว่าการปกครองของขุนศรีอินทราทิตย์มีความมั่นคง มิใช่เพียงทำให้ไทยพ้นจากอำนาจของขอมเท่านั้น แต่ได้ทำลายความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศรีวิชัยที่มีศูนย์กลางอยู่ที่สุมาตราอีกด้วย ตามที่พงศาวดารชนชาติมอญกล่าวไว้ว่า อาณาจักรสุโขทัยได้ทำลายอำนาจของศรีวิชัยบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ได้อย่างเด็ดขาด ตามที่เราชาวไทยรับรู้กันว่าสมัยสุโขทัยไทยขยายอาณาเขตประเทศไปถึงสุดแหลมมลายู แต่เราไม่เคยรับรู้มาเลยว่านั่นคือการรุกรานอาณาจักรศรีวิชัย ตามที่พงศาวดารมอญกล่าวถึง เอกสารฝ่ายจีนกล่าวว่า อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมสลายเพราะเหตุ 3 ประการ คือ หนึ่ง ไม่สามารถบังคับเรือที่ผ่านช่องแคบมะละกาได้อีก สอง ถูกรุกรานจากสุโขทัย สาม ถูกรุกรานจากชวาตะวันออก

ถ้าเราสังเกตดีๆ เราจะพบความแปลกประหลาดของการปรากฏตัวขึ้นของอาณาจักรไทย กล่าวคือ เมื่อเริ่มตั้งกรุงสุโขทัยด้วยบารมีของพ่อขุนทั้งสอง นั่นคือดรรชนีชี้ว่าจักรวรรดิขอมเริ่มเสื่อมลง พอถึงสมัยอยุธยา ทางตะวันออก ไทยก็เข้าตีขอมถึงพระนคร จนขอมต้องย้ายเมืองหลวง ส่วนทางทิศใต้ ไทยก็เข้ายึดดินแดนทางเหนือของอาณาจักรศรีวิชัยคือแหลมมลายูได้ทั้งหมด เกียรติภูมิเรื่องนี้เป็นเพราะพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ใช่หรือไม่

ถ้าใช่! เราจะไม่คิดถึงพ่อขุนผาเมืองผู้เสียสละให้ไทยได้เกิดเอกภาพบ้างหรือ!

และก็เป็นเรื่องแปลกอีกที่ไทยเราเริ่มคิดให้เหล่าประเทศตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดมาหลอมรวมเป็นหนึ่งในนามสมาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วก็พัฒนามาสู่ความเป็น AEC เรียบร้อยแล้ว

เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมามิได้มีเพียงบันทึกเท่านั้น แต่ยังมีหลักฐานให้เห็นอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะการเผาเมืองของพระมเหสี สิ่งนั้นคือข้าวสารดำ ตามที่บันทึกไว้พอสรุปได้ว่า เมืองราดที่ถูกไฟไหม้มีส่วนหนึ่งที่เป็นฉางเก็บข้าวเปลือก หรืออาจจะเป็นข้าวสารก็ได้ ได้มอดไหม้ฝังดินอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้เขียนสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฉางข้าวในคุ้มของพ่อขุนผาเมืองก็ได้ แต่ก็เป็นไปได้อีกเช่นกันว่าจะเป็นฉางข้าวของชาวบ้าน เพราะชาวบ้านทำนาแล้วก็เก็บข้าวใส่ฉางไว้กิน ทุกวันนี้บริเวณนั้นประชาชนที่มาเที่ยวได้พากันไปขุดหาข้าวสารดำจนผืนดินปรุไปหมด ผู้เขียนก็ได้มาประมาณสิบเม็ด การนำข้าวสารดำมามิได้นำมาเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง แต่นำมาเพื่อระลึกถึงการเสียสละของพ่อขุนผาเมือง ที่ท่านต้องหมดทั้งครอบครัว หมดความสุขของชีวิต และก็สิ้นพระชนม์ที่เมืองละเม็ง อย่างนี้จะเรียกว่าพระองค์ตายแทนเพื่อความยิ่งใหญ่ของไทยได้ไหม?

คราวหนึ่งคนไทยฮือฮาเพราะต้นจำปาขาวของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังยืนต้นอยู่จนบัดนี้ ผู้เขียนรู้ว่าต้นจำปาขอมของพ่อขุนผาเมืองก็ยังยืนต้นอยู่ แล้วพยายามให้ต้นจำปาขอมของพ่อขุนผาเมืองเป็นข่าวบ้าง ทั้งนี้มิใช่จะแข่งดีกับปฐมกษัตริย์ไทย แต่เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่านบ้าง แต่ก็ล้มเหลวตลอดมา จนเกิดสำนึกว่าชะตาคนช่างต่างกันจริงหนอ! คนเราบางคนแม้จะทำความดีอันยิ่งใหญ่ แต่ผีก็บังไว้ซะงั้น! คราวนี้หนังสือพิมพ์มติชนคงจะให้คนไทยได้เห็นความเสียสละของท่านบ้างจะเป็นความดีอย่างมหาศาล ถ้าคนไทยเราแสดงออกแม้เพียงไปชมต้นจำปาขอมของพระองค์ท่าน ไปชมจุดข้าวสารไหม้ที่พระมเหสีของพระองค์ทำกับพระองค์ในฐานะที่พระองค์รักคนไทยมากกว่าขอม

ผู้เขียนจำได้ว่าตอนเป็นเด็กที่เรียนประวัติศาสตร์ ดูเหมือนยังไม่มีการยืนยันว่าเมืองราดของพ่อขุนผาเมืองอยู่ที่ไหน พระบริหารเทพธานี นักประวัติศาสตร์ ท่านสันนิษฐานว่าอยู่เมืองศรีเทพ บางท่านสันนิษฐานว่าอยู่เมืองหล่มสัก ผู้ที่สันนิษฐานว่าอยู่เมืองหล่มสักนั้นน่าจะถูก แต่ท่านไม่ชี้จุดไว้ คราวนี้จึงขอแจ้งว่าเพราะบ้านห้วยโป่งมีจารึกท้องถิ่น มีต้นจำปาขอมที่ท่านปลูกไว้ มีข้าวสารไหม้ ที่พระมเหสีเผาเมืองเพราะพิโรธสามีที่ทรยศต่อขอมปรากฏอยู่ จึงยืนยันว่าบ้านห้วยโป่ง ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ คือเมืองราดของพ่อขุนผาเมืองในอดีต แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าจารึกท้องถิ่นที่ผู้เขียนกล่าวถึงนั้นบัดนี้ได้อันตรธานไปแล้ว โชคดีที่ผู้เขียนได้ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน (ตามภาพข้างบน) อักษรจารึกยังพออ่านได้เป็นส่วนมาก

ป้ายจารึกนี้ที่ผู้เขียนจำได้ เป็นหินอ่อนสีดำตัวอักษรเป็นตัวทอง ติดตั้งอยู่ที่วัดโพนชัย เรื่องนี้ทางจังหวัดและทางวัดน่าจะร่วมมือกันหาความจริงให้ปรากฏว่าป้ายศิลานี้ไปไหน เคยแว่วมาว่าบางคนได้แอบไปขุดหาสมบัติในเจดีย์ที่อยู่ติดกับต้นจำปาขอมไปขาย พวกเขาจะแอบมาขโมยป้ายศิลาที่วัดโพนชัยนี้ไปขายด้วยหรือไม่ ขอให้ชาวเพชรบูรณ์ช่วยกันค้นหาต่อไป

ก่อนจบบทความนี้ ขอถ่ายทอดเหตุการณ์การเคลื่อนไหวก่อนที่จะทำการยึดกรุงสุโขทัย ตามที่จารึกไว้ในศิลาจารึกดังกล่าวนี้ ในข้อความจารึกนั้นระบุว่าเผ่าไทยมีกำลังเข้มแข็ง ได้กระจายกันตั้งกลุ่มเป็นอิสระต่อต้านขอมออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มเมืองพะเยา มีพ่อขุนจอมธรรมเป็นหัวหน้า

2.กลุ่มเมืองหิรัตนนครเงินยาง มีพ่อขุนเม็งลาวเป็นหัวหน้า

3.กลุ่มเมืองฉอด มีขุนสามชนเป็นหัวหน้า

4.กลุ่มเมืองบางยาง มีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นหัวหน้า

5.กลุ่มเมืองราด มีพ่อขุนผาเมืองเป็นหัวหน้า

จารึกอีกหน้าหนึ่งระบุว่า (เฉพาะที่อ่านได้) พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ตั้งขุนศึกออกตั้งเมืองเป็นกลุ่มๆ เพื่อปราบกลุ่มเผ่าไทยที่มีกำลังกล้าแข็ง ซึ่งขอมที่ตั้งกลุ่มตามเมืองต่างๆ มีดังนี้

1.กลุ่มเมืองละโว้

2.กลุ่มเมืองศรีเทพ

3.กลุ่มเมืองนครเดิล (ต.ลานบ่า อ.หล่มหลัก จ.เพชรบูรณ์)

4.กลุ่มเมืองหริภุญชัย

5.กลุ่มเมืองเขลางนคร

6.กลุ่มเมืองสุโขทัย

จารึกแผ่นแรกระบุว่า พ่อขุนผาเมืองอพยพมาจากไชยปราการเข้ายึดเมืองศรีเทพของขอมได้แล้วตั้งเมืองราดขึ้น เหตุการณ์ต่อมาจารึกระบุว่า เจ้ากรุงขอม (ไม่ระบุชื่อเหมือนข้างต้น) ทรงเห็นว่าพ่อขุนผาเมืองมีกำลังเข้มแข็งจึงวางแผนนำมาเป็นฝ่ายตน โดยประทานพระราชธิดาและพระขรรค์ เป็นต้น ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว จากนั้นเจ้ากรุงขอมได้ส่งขุนสมาดโขลญลำพงมาปกครองเมืองสุโขทัย ท่านผู้นี้ได้กดขี่ข่มเหง กระทำการทารุณคนเผ่าไทยเป็นอย่างมาก

ขอให้สังเกตว่าขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดเข้ามาร่วมช่วยไทยน้อยประกาศอิสรภาพด้วย แล้วต่อมาเมื่อตั้งราชอาณาจักรไทยแล้ว เหตุไฉนขุนสามชนจึงยกทัพมาตีกรุงสุโขทัย ก่อนอื่นต้องรู้ว่าขุนสามชนเป็นใคร? แล้วจะได้เข้าใจคำตอบชัดยิ่งขึ้น ขุนสามชนเป็นไทยใหญ่ เชื้อสายพระเจ้าสักดำผู้ครองเมืองตักศิลา (เมืองตากปัจจุบัน) พระเจ้าสักดำเป็นใคร? พระเจ้าสักดำเป็นกลุ่มไทยใหญ่ที่มาตั้งราชอาณาจักรที่เมืองเมาหลวง พระเจ้าสักดำนี่เองที่นำมหาศักราชของอินเดียมาใช้

และเมื่อนำมหาศักราชมาใช้แล้ว ก็นับวันทางจันทรคติใหม่ คือนับเดือน 5 เป็นเดือนต้นปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนไทยทุกกลุ่มนับเดือนอ้ายเป็นเดือนต้นปี นี่คือผลงานที่เรารับมาจากไทยใหญ่

ผู้เขียนได้ฟังท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดว่า ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้รับความช่วยเหลือจากไทยอาณาจักรเมาหลวงในการประกาศอิสรภาพจากขอม พอมาพบว่าขุนสามชนเป็นกลุ่มหนึ่งที่มาร่วมต่อต้านขอมในประวัติของพ่อขุนผาเมือง จึงเห็นความจริงว่าไทยใหญ่อาณาจักรเมาหลวงมาช่วยคนไทยเราลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งตัว ตั้งประเทศ จริงๆ ผู้เขียนสันนิษฐานว่าเพราะเหตุดังกล่าวนั้น ไทยเราจึงได้เรียกขานไทยกลุ่มนี้ว่าไทยใหญ่ เป็นการให้เกียรติ ทำนองพี่ใหญ่ แล้วเรียกกลุ่มตัวเองว่าไทยน้อย

ทีนี้มาหาคำตอบว่า ทำไมขุนสามชนจึงมาตีกรุงสุโขทัย คำตอบง่ายๆ คือกลุ่มพี่น้องไทยเรากลุ่มนี้ เขาชอบอยู่เป็นนครรัฐ เมืองใครเมืองมัน เมืองไหนจะใหญ่จะต้องปราบไว้ก่อน จนกระทั่งปี พ.ศ.2490 อังกฤษให้เอกราชพม่า แล้วเสนอให้ไทยใหญ่เป็นเอกราช ขึ้นอยู่กับจักรภพอังกฤษ ไทยใหญ่ก็ไม่ยอม ขออยู่แบบเมืองใครเมืองมัน แต่ขึ้นกับพม่า ทั้งที่อังกฤษตั้งระบบการปกครองสหพันธ์รัฐฉานไว้ให้แล้ว ก็ยุบเสีย แล้วก็เดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ แต่จะอย่างไรก็ตามขอให้เรารู้ไว้ว่า ไทยใหญ่ช่วยเราตั้งประเทศในสมัยสลัดแอกจากขอมแน่นอน ขอให้เราคิดถึงเขาบ้าง

พูดนอกเรื่องมาพอสมควรแล้ว ขอทิ้งท้ายให้ได้คิดว่าการปรากฏตัวของอาณาจักรสุโขทัยทำให้พ้นอำนาจขอม และทำให้อาณาจักรศรีวิชัยล่มสลาย จนปรากฏความยิ่งใหญ่ในภูมิภาคนี้ นั่น! เกิดจากความเสียสละของพ่อขุนผาเมือง

กล่าวคือ เมืองราดถูกเผา พระมเหสีกระโดดน้ำตาย ชีวิตของพระองค์ต้องระหกระเหิน จึงขอเชิญชวนผู้สนใจไปเยือนเมืองราด ซึ่งทุกวันนี้คือโรงเรียนพ่อขุนอุปถัมภ์ บ้านห้วยโป่ง ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วท่านจะพบต้นจำปาขอมซึ่งมีอายุ 800 กว่าปี พบร่องรอยการเผาเมืองของพระนางสิงขรเทวี เห็นความล่มสลายของครอบครัวของพ่อขุนผาเมือง

แล้วจากนั้นท่านจะเกิดจินตภาพ เห็นภาพของพระองค์ระหกระเหินไปสิ้นพระชนม์ที่เมืองละเม็ง อันเป็นฉากสุดท้ายของผู้ที่ทำประโยชน์ให้คนไทยทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image