6 เดือนที่ผ่านมาเป็นลางบอกเหตุแห่งความล่มสลาย ของรัฐบาลเผด็จการศาสนาของอิหร่าน

เมื่อ นายอิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่านเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใน

วันที่ 19 พฤษภาคม พ..2567 ทำให้ทางการอิหร่านต้องจัดการเลือกตั้งเพื่อหาประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งระบบการเลือกตั้งของอิหร่านนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมาชิกรัฐสภา และสมัชชาผู้เชี่ยวชาญ ล้วนแล้วแต่ต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้พิทักษ์ (Guardian Council) เสียก่อน จึงจะลงรับสมัครเลือกตั้งได้สภาผู้พิทักษ์ ประกอบไปด้วยผู้นำศาสนา และผู้พิพากษา ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านและผู้นำสูงสุดอยาตอลเลาะห์ คาเมเนอีเพียงคนเดียวที่มีอำนาจปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งเมื่อใดก็ได้

VIDEO CONTENT AVERTISEMENT

ดังนั้น โดยสรุปแล้วอิหร่านก็ปกครองแบบเผด็จการโดยผู้นำทางศาสนานั่นแหละ ผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทุกระดับทุกคนต้องผ่านการอนุมัติเห็นชอบจากสภาผู้พิทักษ์ หากเป็นฝ่ายค้านที่ศักยภาพหน่อยก็ถูกเขี่ยตกหมดโดยไม่อนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเสียเลย ส่วนฝ่ายค้านที่เงียบๆ ไม่ดัง ท่าทางหงอยๆ ก็จะได้อนุมัติให้ลงสมัครได้พอแก้คำครหาบ้างแต่ก็มีจำนวนน้อยเต็มที เช่น นายมาซูด เปเซชเคียน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสายปฏิรูปผู้คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะนายเปเซชเคียนเป็น

ผู้สมัครสายกลางเพียงคนเดียวในบรรดาผู้มีสิทธิลงสมัคร 4 คน แต่เขาสามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายและในรอบตัดสินได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเนื่องจากมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าครึ่งในรอบแรกเพราะประชาชนคิดว่าเป็นเกมถูกกำหนดไว้แล้ว แต่เมื่อผู้สมัครสายกลางมีโอกาสชนะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกจำนวน 7 ล้านคน กลับออกมาเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 และผลักดันให้ผู้สมัครสายปฏิรูปได้รับชัยชนะ

ADVERTISMENT

แม้ชัยชนะนี้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ เพราะนายเปเซชเคียนเองก็ไม่กล้าท้าทายอำนาจที่เหนือกว่า (ถ้าเขากล้าจริง เขาคงไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสมัคร) และที่สำคัญกว่านั้นคือ อำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือของผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ซึ่งครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ พ..2532 หลังการเสียชีวิตของอยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี และนี่เป็นการแสดงอย่างแจ้งชัดว่าประชาชนอิหร่านต้องการผู้นำคนใหม่

เหตุการณ์ในตะวันออกกลางตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงตอนนี้กลับกลายเป็นข่าวร้ายทั้งหมดสำหรับระบอบการปกครองของอิหร่าน ก่อนอื่นแกนต้านทานที่อิหร่านสร้างขึ้นเพื่อกดดันอิสราเอลและเพิ่มอิทธิพลของตนเองได้พังทลายลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาถูกทำลายลงเกือบหมด กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เคยครองอำนาจในเลบานอนถูกลดบทบาท และการล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรียเมื่อไม่นานมานี้ก็เป็นการสิ้นสุดพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของอิหร่านในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ADVERTISMENT

ผู้นำสูงสุดวัย 85 ปีของอิหร่านกล่าวโทษเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ว่าเป็นฝีมือของสหรัฐและอิสราเอล โดยเขากล่าวว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียเป็นผลจากแผนการร่วมของอเมริกาและไซออนิสต์แต่ความจริงคือสองประเทศนี้ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในซีเรีย

สิ่งที่เกิดขึ้นคือการลุกฮือต่อต้านจากกลุ่มมุสลิมสุหนี่ที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดอิทธิพลของกลุ่มชีอะห์ในการเมืองภูมิภาค อิหร่านที่เป็นชีอะห์ไม่มีพันธมิตรในประเทศอาหรับรอบอิสราเอลอีกแล้ว และโอกาสที่จะดึงพันธมิตรกลับมาก็น้อยลงเรื่อยๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่า ขีปนาวุธของอิหร่านส่วนใหญ่ไม่สามารถเจาะเกราะป้องกันของอิสราเอลได้ ในขณะที่กองทัพอากาศอิสราเอลสามารถทำลายระบบป้องกันทางอากาศของอิหร่านได้เกือบหมด อิหร่านจึงแทบไม่มีการป้องกันทางทหารจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเหลืออยู่เลย

ที่อันตรายยิ่งกว่าคือเศรษฐกิจของอิหร่านที่กำลังล่มสลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายเกินตัวเพื่อเผยแผ่ลัทธิศาสนาสุดโต่งไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ขาดการลงทุนในประเทศ เนื่องจากความพยายามปฏิวัติที่อื่นๆ นอกประเทศทำให้อิหร่านถูกคว่ำบาตรอย่างรุนแรงจากนานาชาติ

ผลกระทบหนักหนาสาหัส GDP ต่อหัวของอิหร่านใน พ..2519 ก่อนการปฏิวัติอยู่ที่ 7,600 ดอลลาร์ ปัจจุบันเหลือเพียง 5,700 ดอลลาร์ แม้จะมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล ในขณะเดียวกัน GDP ต่อหัวของตุรกี ซึ่งมีขนาดและทรัพยากรใกล้เคียงกับอิหร่าน แต่แทบไม่มีน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติเลย กลับเพิ่มขึ้นจาก 1,270 ดอลลาร์ใน พ..2519 เป็น 13,000 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน 

ชาวอิหร่านส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวเลขเศรษฐกิจเปรียบเทียบเหล่านี้หรอก แต่พวกเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเพราะอะไร และผลที่ตามมาซึ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนคือเศรษฐกิจที่พังพินาศเพราะหลักฐานชี้ชัดอยู่แล้วว่าอิหร่านมีแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับสองและน้ำมันสำรองใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แต่ความด้อยประสิทธิภาพในการปกครองจนกระทั่งไม่สามารถจ่ายไฟหรือให้ความร้อนได้อย่างต่อเนื่องโดยฤดูร้อนที่ผ่านมาไฟฟ้าดับเป็นครั้งคราว แต่ฤดูหนาวนี้ไฟฟ้าดับต่อเนื่องนานหลายวัน โรงงานอุตสาหกรรม โรงถลุงเหล็ก และอื่นๆ ต้องปิดตัวลง โรงเรียนและมหาวิทยาลัยสอนทางไกลแทน ชาวอิหร่านจำนวนมากไม่พอใจหรือถึงขั้นโกรธแค้นและพวกเขารู้ดีว่าใครเป็นต้นเหตุ

เนื่องจากรัฐบาลเผด็จการศาสนาของอิหร่านใช้งบประมาณส่วนใหญ่ไปกับการจัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพและการพัฒนายุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ เช่น การจัดซื้ออาวุธและการพัฒนาขีปนาวุธและใช้ในหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ซึ่งเป็นกองกำลังที่ตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองรัฐบาลโดยตรงมีอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลที่มีประสิทธิภาพเหนือกองทัพและยังมีงบประมาณในการดำเนินงานของตำรวจศาสนาที่คอยจับและลงโทษเฆี่ยนตีสตรีผู้ที่ไม่คลุมผม คลุมหน้าทั่วประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลเผด็จการศาสนาของอิหร่านยังใช้งบประมาณมหาศาลในนโยบายขยายอิทธิพลของอิหร่านผ่านทางกลุ่มตัวแทนในประเทศต่างๆ คือกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอน กลุ่มฮูติในประเทศเยเมนและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาด้วยการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และเงินมหาศาล ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือช่วยรัฐบาลอัสซาดซึ่งเป็นชีอะห์สาขาหนึ่งทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างมหาศาลซึ่งเงินงบประมาณก็ละลายไปกับการขยายอิทธิพลที่ล้มเหลวลงแทบจะสิ้นเชิงเลยทีเดียว และปล่อยให้ประชาชนอิหร่านลำบากยากแค้นในฤดูหนาวที่ยาวนานของปีนี้

ครับ! ลางบอกเหตุถึงความหายนะของรัฐบาลเผด็จการศาสนาของอิหร่านเริ่มเด่นชัดขึ้นทุกทีแล้วครับ

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image