โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นผู้ต้องโทษทางอาญา

โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นผู้ต้องโทษทางอาญา

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา ผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้ แม้ว่าเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาโดยศาลแห่งกรุงแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2567 ในข้อหา 34 กระทงที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงบันทึกธุรกิจ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการจ่ายเงินจำนวน 130,000 ดอลลาร์ให้กับนักแสดงภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ น.ส.สตอร์มี แดเนียลส์ เพื่อปิดข่าวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้จ่ายเงินซื้อความสัมพันธ์ทางเพศกับ น.ส.สตอร์มี แดเนียลส์ ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ.2559 ของเขา โดยมีหลักฐานการรับเงินจาก นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของนายโดนัลด์ ทรัมป์เอง

แม้ว่าจะมีการตัดสินความผิดทางอาญาทั้ง 34 กระทงก็ตาม ผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชานแห่งศาลกรุงแมนฮัตตัน ได้ระบุว่า ทรัมป์จะได้รับ “การปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่ได้รับโทษจำคุก ปรับ หรือทัณฑ์บน เนื่องจากไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้กับตำแหน่งประธานาธิบดีที่ประชาชนได้เลือกตั้งเข้ามาเรียบร้อยแล้ว แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นผู้ต้องโทษทางอาญาจึงได้ยื่นคำร้องไปยังศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อขอให้ระงับการตัดสินพิจารณาลงโทษทางอาญาไปก่อน แต่ศาลสูงสุดสหรัฐปฏิเสธที่จะเข้าแทรกแซงในกระบวนการพิจารณาคดี ปล่อยให้กระบวนการพิจารณาดำเนินไปตามกำหนดคือวันศุกร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์จะกลายเป็นบุคคลแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาและสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าการตัดสินความผิดจะยังคงอยู่ แต่การไม่มีบทลงโทษหมายความว่าไม่มีผลกระทบทางกฎหมายในทันทีที่จะขัดขวางความสามารถของเขาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากในหมวด 2 มาตรา 1 วรรค 4 แห่งรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริการะบุว่า

ADVERTISMENT

“ผู้มีสิทธิเป็นประธานาธิบดีต้องเป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด ผู้มีสิทธิเป็นประธานาธิบดีต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และเป็นผู้มีหลักแหล่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาไม่ต่ำกว่า 14 ปี”

ซึ่งไม่ได้มีข้อห้ามผู้ต้องโทษทางอาญาเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่อย่างไร โดยปกติแล้วหากกฎหมายไม่ได้กำหนดข้อห้ามเอาไว้ก็สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ทีมกฎหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ก็วางแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของศาลแห่งกรุงแมนฮัตตันต่อไป โดยหวังว่าศาลอุทธรณ์อาจจะยกโทษความผิดทางอาญาแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ในอนาคต

ความจริงนายโดนัลด์ ทรัมป์ คือ “the convicted felon” เป็นความความผิดที่ใกล้เคียงกับความผิดทางอาญาของกฎหมายไทยย่อม ต้องสูญเสียสิทธิบางประการ อาทิ สิทธิการครอบครองอาวุธปืนซึ่งเป็นสิทธิของชาวอเมริกันทุกคน เนื่องจากกฎหมายของสหรัฐห้ามผู้ต้องโทษทางอาญามีอาวุธและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้ในกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศนิรโทษกรรมตัวเองจากผู้ที่มีความผิดทางอาญาตามอำนาจของประธานาธิบดีตามหมวด 2 มาตรา 2 วรรค 1 ที่ว่า

“ประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะบรรเทาโทษหรือยกโทษให้กับความผิดที่กระทำต่อสหรัฐ”

มิได้! เนื่องจากความผิดของทรัมป์เป็นความผิดที่กระทำต่อมลรัฐนิวยอร์ก ดังนั้นผู้ที่จะนิรโทษกรรมให้ทรัมป์ได้ก็มีเพียงแต่ผู้ว่าการมลรัฐนิวยอร์กเท่านั้น

ประการสุดท้าย ประธานาธิบดีทรัมป์มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต่อไปหรือไม่?

ความจริงทั้งมลรัฐนิวยอร์กและมลรัฐฟลอริดาต่างก็มีกฎหมายเลือกตั้งแตกต่างกันคนละฉบับแต่มีที่เหมือนกันคือกฎหมายเลือกตั้งทั้ง 2 มลรัฐผู้ที่ต้องโทษทางอาญาจะไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้จนกว่าจะรับโทษทัณฑ์เรียบร้อยแล้วจึงจะได้สิทธิการเลือกตั้งกลับคืนดังเดิม สำหรับนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้ต้องโทษทางอาญาแต่มิได้ถูกลงโทษจำคุก ปรับ หรือทัณฑ์บนแต่ประการใด ดังนั้นนายทรัมป์ก็ยังคงมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในมลรัฐฟลอริดาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ครับ! กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาเขาก็พิลึกเหมือนกันนะครับ

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image