
ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
---|
ตํานาน “เกษียรสมุทร” ดังที่เราเห็นเป็นรูปปั้นเหล่าเทพกับเหล่าอสูรช่วยกันกวนเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) โดยใช้เขามันทระเป็นแกนกลางและเอาพญานาควาสุกรีต่างเชือกมาชักปั่นให้เกิดเป็นน้ำอมฤตที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิของไทยเรานี่เอง นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในคัมภีร์ปุราณะของศาสนาฮินดู
ตามตำนาน เทพและอสูรได้ร่วมมือกันกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอมฤต ซึ่งเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ผู้ดื่มกลายเป็นอมตะ เมื่อหม้อน้ำอมฤต (กุมภะ) ปรากฏขึ้น พระอินทร์และเหล่าเทวดาก็ได้นำน้ำอมฤตหลบหนีจากอสูร (พูดง่ายๆ คือเหล่าเทวดาเบี้ยวเหล่าอสูรนั่นแหละ) โดยมีการต่อสู้กันในระหว่างการหลบหนีทำให้น้ำอมฤตกระฉอกหยดลงมายังโลกมนุษย์ 4 หยด ที่แม่น้ำใกล้เมือง 4 เมือง คือ เมืองอัลลาฮาบัด, ฮาริดวาร์, อุชเชน และนาสิก สถานที่ 4 แห่งเหล่านี้จึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์กลางของเทศกาลกุมภเมลา
เทศกาลกุมภเมลา คือ งานรวมตัวทางศาสนาที่ดึงดูดผู้คนโดยเฉพาะผู้แสวงบุญชาวฮินดูจากทั่วทั้งประเทศอินเดียและทั่วโลกให้มารวมตัวกันที่ริมฝั่งแม่น้ำ 3 สาย ที่เมือง 4 เมืองนี้หมุนเวียนกันไปทุก 6 ปีคือ เมืองประยาคราช (ชื่อเดิมคือ อัลลาฮาบัด) เมืองฮาริดวาร์ เมืองนาสิก และเมืองอุชเชน ซึ่งแต่ละเมืองนี้ตามตำนานระบุว่า เป็นสถานที่ที่น้ำทิพย์แห่งความเป็นอมตะ 4 หยดตกลงไป จะมีความเกี่ยวพันกับแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 สายของอินเดีย คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำโคทาวรี และแม่น้ำชิปรา เพื่อที่ผู้แสวงบุญจะอาบน้ำในแม่น้ำนั้น โดยเชื่อว่าเป็นการชำระบาปและนำพวกเขาเข้าใกล้การหลุดพ้นทางจิตวิญญาณมากขึ้น ซึ่งพวกเราคนไทยก็คงได้ทราบเรื่องที่การมีผู้แสวงบุญไปอาบน้ำเพื่อล้างบาปในแม่น้ำคงคามาแล้ว ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับเทศกาลกุมภเมลา เพราะการไปอาบน้ำล้างบาปของเทศกาลกุมภเมลามีกำหนดเวลาและสถานที่เป็นที่แน่นอน เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นทางการ ต่างกับการไปอาบน้ำเพื่อล้างบาปในแม่น้ำคงคาซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
คำว่า “กุมภเมลา” มีแปลว่า “หม้อน้ำ” ซึ่งในที่นี้หมายถึงหม้อน้ำสำหรับเก็บน้ำทิพย์แห่งความเป็นอมตะ ในเทวตำนานของชาวฮินดู ส่วน “เมลา” หมายความว่า เทศกาล หรือการรวมตัวเพื่อทำพิธีกรรมของบรรดาผู้คนทั้งหลายนั่นเอง สำหรับวันงานเทศกาลใน พ.ศ.2568 นี้ คือ มหากุมภเมลา หรือ “กุมภะใหญ่” ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้งในทุกๆ 144 ปี ทำให้งานนี้ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นไปอีก คาดว่าจะมีคนเดินทางมามากถึง 400 ล้านคน ตลอดระยะเวลาจัดงานของปี พ.ศ.2568 นี้ แม้ว่าเมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา เกิดการเบียดเสียดและเหยียบกันขณะพยายามลงไปอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 30 ศพ บาดเจ็บอีก 60 รายก็ตาม
เทศกาลกุมภเมลาแต่ละครั้งมักจะยาวประมาณ 45 วัน โดยใน พ.ศ.2568 นี้ งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ยาวไปจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยจะจบลงด้วยวันอาบน้ำครั้งสุดท้ายที่เรียกว่า “ศหิสนาน” หรือ “การอาบน้ำของกษัตริย์”
งานเทศกาลกุมภเมลานี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างพิธีกรรมทางศาสนากับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น การสนทนาทางจิตวิญญาณ, กระบวนการทางศาสนาต่างๆ และการแสดงทางวัฒนธรรม โดยผู้จัดงานเตรียมเต็นท์ที่พักชั่วคราวไว้ให้ผู้มาร่วมงานมากกว่า 160,000 หลัง มีการจัดสรรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 40,000 นาย และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขอีก 15,000 นาย คอยดูแลตลอดงานเทศกาลนี้
เทศกาลกุมภเมลาถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่เมืองอัลลาฮาบัด (ปัจจุบันคือเมืองประยาคราช) เมื่อ พ.ศ.2410 ตั้งแต่เมื่อทางการอังกฤษยังปกครองอินเดียในฐานะอาณานิคมอยู่เลย เนื่องจากทางการอังกฤษมีรายได้จากการเก็บภาษีผู้แสวงบุญซึ่งมีนับจำนวนล้านคน เพราะเดิมทีผู้แสวงบุญส่วนใหญ่มีแต่บรรดานักบวช ฤๅษี ชีไพรเพียงเท่านั้น เมื่อทางการอังกฤษได้จัดการขนส่งคมนาคมและสาธารณสุขให้กับผู้แสวงบุญผู้เป็นคนธรรมดาสามัญตั้งแต่ในครั้งนั้นด้วย บรรดาประชาชนชาวอินเดียทั่วไปจึงพากันไปแสวงบุญกัน รวมทั้งชาวโลกจากทุกทวีปจึงพากันไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย
ทำให้เทศกาลกุมภเมลาเป็นเทศกาลชุมนุมของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกอีกนานแสนนานทีเดียว