ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
เผยแพร่ |
ทั้งๆ ที่รัฐบาลคุม “สื่อ” ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งๆ ที่ “คสช.” ล้วนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสังคมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสื่อ
เหตุใดต้องหวั่นไหวไปกับข้อกล่าวหาในเรื่อง “จัดฉาก”
แถลงอันมาจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงอันมาจาก พ.อ.วินธัย สุวารี สะท้อนออกให้สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม
รูปธรรมแห่งความหวั่นไหว
“การดำเนินการครั้งนี้มีสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์และเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพการปฏิบัติในขณะเข้าดำเนินการไว้อย่างละเอียดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันป้องกันการที่ผู้ไม่หวังดีอาจจะนำไปสร้างเป็นประเด็นทำลายความน่าเชื่อถือ”
เป็นเสียงจาก “คสช.”
“ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการจัดฉากใส่ร้ายเนื่องจากอาวุธมีลักษณะค่อนข้างใหม่และเจ้าของบ้านไม่ได้อาศัยอยู่นานแล้ว”
เป็นเสียงจาก “ทำเนียบรัฐบาล”
ถามว่าการตั้งข้อสังเกตว่า “จัดฉาก” เกิดขึ้นได้อย่างไร
หากสำรวจผ่านการนำเสนอข่าวผ่านสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะจากภาคเอกชน ไม่ว่าจะภาคของรัฐ ล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ยิ่งเมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แถลงพร้อม พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา
ยิ่งฉายชัดการเชื่อมโยงระหว่างการสะสม “อาวุธสงคราม” เพื่อนำไปสู่ปฏิบัติการรุนแรงอย่างน้อยก็ 2 กรณี
1 กรณี “ลอบสังหาร”
เมื่อเป็นการลอบสังหารเป้าหมายย่อมเป็นบุคคลสำคัญ นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
1 การฉวยโอกาสในลักษณะของ “มือที่ 3”
เมื่อเป็นการฉวยโอกาสและแสดงบทบาทในสถานะแห่ง “มือที่ 3” ย่อมจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากสถานการณ์อันเกี่ยวกับ “วัดพระธรรมกาย”
เพราะว่าฐานทางการเมืองของ “โกตี๋” คือ “ปทุมธานี”
สังคมย่อมถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะการจับกุม “อาวุธสงคราม” เท่ากับเป็นการทำหมันสถานการณ์อันอาจจะเป็นความเลวร้าย
แล้วทำไมต้อง “หวั่นไหว” ในเรื่อง “จัดฉาก”
ความหวั่นไหวจากทีมงาน “โฆษก” ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจาก คสช. คือ เงาสะท้อนแห่งความหวาดระแวงอันดำรงอยู่ภายในสังคมไทย
ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
และต่อเนื่องมายังก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งสืบเนื่องมายังสถานการณ์วัดพระธรรมกาย สถานการณ์การใช้ “อภินิหาร” ในการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปด้วยเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท
ความหวาดระแวงนั้นเองคือมูลเชื้อก่อให้เกิด “ความสงสัย”
แม้กระทั่งรัฐบาลและ คสช.ซึ่งมีฐานการข่าวอันแน่นหนาจากฝ่าย “ความมั่นคง” เมื่อลงมือปฏิบัติการกลับต้องลังเล ไม่แน่ใจ กระทั่งเกรงไปว่า สังคมจะมองว่าเป็น “การจัดฉาก”
ยิ่งเมื่อจุดเริ่มแห่งความหวาดระแวงมาจากฝ่าย “ปฏิบัติการ” ขณะที่เสียงของสังคมอันสะท้อนผ่านสื่อกระแสหลักไม่ปรากฏร่องรอย
จึงน่าสงสัยในความระแวงและความหวั่นไหวว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ความรู้สึกของ คสช. ความรู้สึกของรัฐบาล อาจมาจากฐาน “การข่าว” และการเคลื่อนไหวของบางส่วนที่ดำรงอยู่
อาจเป็นความรอบคอบ อาจเป็นความรัดกุม
แต่ความรอบคอบและความรัดกุมเช่นนี้อาจเป็น “เครื่องบั่นทอน” ในระยะยาวได้