ผู้เขียน | ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ |
---|
สะพานแห่งกาลเวลา : ว่าด้วยกรณี‘วาฬกินคน’
เมื่อไม่นานมานี้ เกิดกรณีที่กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียไปทั่วโลก นั่นคือเหตุการณ์ที่ทำให้ดูเหมือนว่า วาฬหลังค่อม (humpback whale) ตัวหนึ่งพยายามกินคนเข้าไปทั้งเป็น กรณีนี้กลายเป็นข่าวดังขึ้นมา เนื่องจากมีผู้บันทึกเหตุเอาไว้เป็นคลิปวิดีโอ แล้วถูกรายงานออกไปโดยสำนักข่าวน้อยใหญ่ รวมทั้งซีเอ็นเอ็น และเอพี
เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่เอเดรียน ซิมันกาส กับเดลล์ ผู้เป็นบิดา ออกไปพายเรือคยัคเล่นกันในท้องทะเลนอกชายฝั่งประเทศชิลี อันเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณที่เรียกว่าช่องแคบแม็กเจลแลน คยัคของเอเดรียนลอยอยู่ห่างออกไปจากลำของเดลล์ ตอนที่เขามองเห็นว่าผิวน้ำทะเลด้านหลังของเอเดรียนเคลื่อนไหวผิดปกติกลายเป็นคลื่นสวยน่าตื่นเต้น จึงยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปไว้สนุกๆ
พริบตาต่อมาเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น วาฬทั้งตัวพุ่งพรวดขึ้นจากผิวน้ำ อ้าปากกว้าง ก่อนตกกลับหายไปใต้น้ำพร้อมกับเอเดรียนและเรือยางคยัคสีเหลืองของเขาทั้งลำ ร่างของหนุ่มวัย 24 ปีหายไปชั่วขณะ ก่อนผุดขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้งพร้อมกับเรือยาง เขารีบจัดการพลิกลำเรือขึ้นใหม่ได้สำเร็จและจ้วงไม่คิดชีวิตมาหาผู้เป็นพ่อจนปลอดภัยในที่สุด
เอเดรียนบอกในเวลาต่อมาว่า คิดว่าถูกวาฬยักษ์กินซะแล้ว และพอเริ่มคิดอย่างนั้นก็เกิดกลัวจับจิตจับใจ ก่อนที่จะปลงตกกับชีวิต บอกกับตัวเองว่า ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ นอกจากจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม แต่หลังจากที่รอดชีวิตออกมาได้ ความคิดของเอเดรียนเปลี่ยนไป เขาบอกว่าพอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้างว่าวาฬตัวนี้คงไม่คิดที่จะกินเขาเป็นอาหาร แค่ทำไปเพราะอยากรู้อยากเห็น หรือไม่ก็อยากสื่อสารอะไรบางอย่างเท่านั้น
ดร.จู้ค ร็อบบินส์ ผู้อำนวยการโครงการวาฬศึกษา ประจำศูนย์ศึกษาแนวชายฝั่งแห่งแมสซาชูเซตส์ กลับอธิบายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญ ชนิดที่เกิดขึ้นได้หนึ่งในล้านครั้งเท่านั้นเอง เขาระบุว่า เอเดรียนบังเอิญไปอยู่ผิดที่ผิดทางขณะที่วาฬตัวนั้นกำลังกินอาหารของมันอยู่พอดี ร็อบบินส์เชื่อด้วยซ้ำไปว่าเจ้าวาฬก็คงแปลกใจพอๆ กับเอเดรียนนั่นแหละ
เขาอธิบายต่อว่า วาฬหลังค่อมกินอาหารโดยการอมเอาบรรดาฝูงปลาเล็กปลาน้อยและกุ้งฝอยเข้าไปพร้อมน้ำทะเล แล้วจึงรีดน้ำออกมาผ่านทางครีบที่อยู่ภายในปาก ถ้าหากมีอะไร หรือใครสักคนไปขวางอยู่ด้วย มันก็จะอมเข้าไปด้วย แต่ก็จะพ่นทิ้งออกมา ไม่ “กิน” เข้าไปในท้องอย่างเด็ดขาด เหตุผลสำคัญก็คือ มัน “กลืน” วัตถุหรือคน ที่มีขนาดใหญ่ลงท้องไปไม่ได้นั่นเอง
ปากของวาฬมีขนาดใหญ่มากก็จริง ในบางกรณีอาจมีขนาดกว้างได้ถึง 3 เมตร ตามคำบอกเล่าของเอียน เคอร์ ผู้บริหารองค์การการกุศลเพื่ออนุรักษ์วาฬ แต่ส่วนที่เป็นลำคอของมันกลับเล็กเอามากๆ ขนาดเทียบได้คร่าวๆ แค่พอๆ กับกำปั้นของคนเราเท่านั้น ดังนั้น มันถึงไม่ได้สนใจจะกิน หรือแม้แต่คิดที่จะลองกินคน หรืออะไรที่ใหญ่โตเข้าไป เพราะอาจก่อความเสียหายให้กับตัวเองถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากใดๆ ผู้เชี่ยวชาญถึงได้แนะนำให้บรรดามนุษย์ทั้งหลายที่บังเอิญลงไปอยู่ในท้องทะเลที่มีฝูงวาฬปรากฏอยู่ ว่าต้องรักษาระยะห่างจากมันไว้อย่างน้อยราว 100 เมตร เรื่องนี้ถึงกับมีบัญญัติเป็นกฎหมายเอาไว้ชัดเจนในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
เอียน เคอร์ ระบุว่า ในขณะที่วาฬบางสายพันธุ์เริ่มกลับมามีประชากรเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง แต่อีกหลายสายพันธุ์ก็ยังอยู่ในสภาพเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์เพราะตายลงทุกวัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากใบพัดเรือ ที่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดบาดแผลให้กับวาฬได้เป็นพันแผลในครั้งเดียว
เขาเรียกร้องให้ทุกคนหันมาใส่ใจ เรียนรู้และทำความเข้าใจวิถีชีวิตของวาฬให้มากขึ้นเพื่อการอนุรักษ์ เพราะเชื่ออย่างจริงจังว่า วาฬ คือมาตรวัดความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทรและท้องทะเลของเรานั่นเอง