ที่มา | คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
สรุปว่ากระทรวงการคลังยื่นเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจาก ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 1.7 หมื่นล้าน
เป็นการยื่นท่ามกลางข้อขัดแย้งที่ทั้งสองฝ่ายยังงัดขึ้นมาต่อสู้
น่าจะพลิกข้อกฎหมายที่ทั้งสองฝ่ายงัดออกมาต่อสู้อ่านดู
ฝ่ายแรกคือ ฝ่าย สตง.ระบุว่า เก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปได้ โดยใช้มาตรา 61 ประมวลรัษฎากร
มาตรา 61 ประมวลกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาว่า “บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า
1.เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญ และทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน หรือ
2.เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น
เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีทั้งหมดจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้
แต่ถ้าบุคคลนั้นต้องโอนเงินได้พึงประเมินให้แก่บุคคลอื่น
บุคคลนั้นมีสิทธิหักเงินภาษีจากจำนวนเงินซึ่งต้องโอนให้แก่บุคคลอื่นตามส่วน”
คราวนี้มาฟังอีกฝ่าย
นายนพดล ปัทมะ ให้สัมภาษณ์วันก่อนบอกว่า เรื่องที่ สตง.จะเก็บภาษีนั้นมันจบไปแล้ว
จบไปตามมาตรา 19 ประมวลรัษฎากร
คราวนี้ก็ไปค้นมาตรา 19 ประมวลรัษฎากรมาอีก
ความว่า “เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
กรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์
ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวน
และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้
แต่ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันนับแต่วันส่งหมาย
ทั้งนี้ การออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องกระทำภายในเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ ไม่ว่าการยื่นรายการนั้นจะได้กระทำภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
หรือเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ ทั้งนี้ แล้วแต่วันใดจะเป็นวันหลัง
เว้นแต่กรณีปรากฏหลักฐานหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ยื่นรายการมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร
หรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร
อธิบดีจะอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกดังกล่าวเกินกว่า 2 ปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ
แต่กรณีขยายเวลาเพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร
ให้ขยายได้ไม่เกินกำหนดเวลาตามที่มีสิทธิขอคืนภาษีอากร”
ข้อมูลเพิ่มเติมจากคำแถลงของนายนพดล คือ หุ้นชินคอร์ปซื้อขายกันเมื่อปี 2549
ปี 2553 มีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ลองพิจารณากันเอาเอง
1.การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องเสียภาษี 2.ภาษีเงินได้ที่กำลังกล่าวถึง ต้องเรียกเก็บตามมาตรา 19
เรื่องนี้ “จบไปแล้ว” เหมือนกับที่นายนพดลระบุหรือไม่
หรือเรื่องนี้ “กำลังเริ่มต้น” เหมือนดั่งมีอภินิหารอย่างที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้
ทุกจังหวะก้าวยังน่าสนใจและน่าติดตาม
คลิกอ่านเพิ่มเติม… สรรพากรแปะโนติสบ้านจันทร์ส่องหล้า แจ้ง’ทักษิณ’จ่ายภาษี 1.7 หมื่นล้านบาทแล้ว