ภาพเก่าเล่าตำนาน : ตำนานปลายักษ์ใต้พิภพ…ทำให้แผ่นดินไหว

คนไทยแต่ครั้งโบราณกาล…บอกเล่าต่อกันมาว่า ใต้พื้นดินที่เราอยู่อาศัยนี้มีปลาอานนท์นอนอยู่ ปลายักษ์ตัวนี้มีชีวิตชั่วกัลปาวสาน ทุกครั้งที่มันขยับตัวแผ่นดินจะขยับเขยื้อนตาม จะมาก-น้อยขึ้นอยู่กับปลายักษ์ว่าเปลี่ยนท่านอนมากน้อยแค่ไหน…

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะแผ่นดินสั่นไหวจริง เรารู้สึกได้ ฉัตรบนยอดเจดีย์เขย่าไป-มา น้ำในแม่น้ำกระฉอก โยกเยกไปมา ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ ไม่มีใครเคยเห็นปลายักษ์ใต้พิภพตัวนี้เพราะมันอยู่ใต้ดิน แต่ก็บอกเล่ากันเป็นตุเป็นตะ ฟังแล้วก็ไปเล่าต่ออย่างฉาดฉาน

ยิ่งถ้าคนไทยในชนบทที่เคยเห็นปลาในบ่อโคลน ปลาที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงดินเงียบเชียบ จะเข้าใจดีว่าปลาอยู่ได้จริง อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับ

คนเฒ่าคนแก่นำเรื่องแผ่นดินไหวนี้พลิกแพลงเนื้อหาไปเป็น “ธรณีพิโรธ” ยิ่งจะทำให้เป็นเรื่องน่าดึงดูด เร้าใจ ใครๆ ก็อยากบอกเล่าต่อ เกิดเป็นลางสังหรณ์ เป็นสิ่งบอกเหตุได้สารพัด

ADVERTISMENT

ใครจะมาออกความเห็นเรื่อง “เปลือกโลกขยับ” พูดถึงรอยเลื่อนเปลือกโลก คงกลายเป็นคนเสียสติในสังคม

ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ มีชาดก มีตำนาน เรื่องเล่า และความเชื่อ

ADVERTISMENT

เมื่อไม่มีใครตอบคำถามได้ว่าแผ่นดินไหวเกิดจากอะไร คนโบราณจึงโยงเรื่องแผ่นดินไหวไปกล่าวไว้ในคำสอนทางศาสนาและบทสวด โดยใช้เป็นคำเตือน หรือเป็นการลงโทษของพระเจ้า

คำที่คนไทยพุทธได้ยินมาคือ ธรณีสูบคนชั่วช้า มารศาสนา

คำบอกเล่าแนวนี้…เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และความสามารถในการควบคุมการกระทำของผู้คนในสังคม และเพื่อรักษาอำนาจ เพื่อการปกครองที่ราบรื่น

ในคำสอนเชิงอธิบายของบางสำนักจะพูดถึงความพิโรธ การลงโทษ และความเมตตาของพระเจ้า ตลอดจนความเชื่อโชคลางเกี่ยวกับวิญญาณชั่วร้าย รูปเคารพ และเทพเจ้าที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหว

เน้นให้ยอมรับว่าเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า

เกาะญี่ปุ่นมีภูเขาไฟ แผ่นดินไหว มีภัยพิบัติสารพัด มีตำนานว่า…

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเพราะเทพเจ้าลงมาจากสวรรค์เพื่อปราบคนชั่วในโลกให้จักรพรรดิและสร้างความเจริญให้กับประเทศ เกาะญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตลอดมา แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้

มีเรื่องเล่าของชาวญี่ปุ่นที่แตกต่างไปอีกว่า…

เมื่อแผ่นดินสั่นสะเทือนนั่นเป็นเพราะ “ปลาแผ่นดินไหว” ขนาดใหญ่ หรือจิชินอุโว กระสับกระส่าย หรือโกรธ จิชินอุโวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่คล้ายกับปลาดุก มันยาวประมาณ 700 ไมล์ และแบกโลกไว้บนหลัง หางของมันอยู่ที่อาโวโมริทางเหนือ และโคนหัวอยู่ที่คิโอโตะ ทำให้เกาะญี่ปุ่นทั้งหมดอยู่บนตัวปลานี้

ที่ปากของจิชินอุโวมีหนวดขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่ ซึ่งเหมือนกับหนวดที่น่ากลัวของผู้ชายใจร้าย

ทันทีที่หนวดเหล่านี้เริ่มเคลื่อนไหว แสดงว่าสัตว์ประหลาดกำลังโกรธ เมื่อมันโกรธและกระพือหาง หรือกระแทกหัว จะเกิดแผ่นดินไหว เมื่อมันกระโจน หรือพลิกตัว ชีวิตและทรัพย์สินบนพื้นผิวโลกเบื้องบนจะถูกทำลายอย่างน่ากลัว

นอกจากนั้นยังมี…ยักษ์คาชิมะ ได้รับมอบหมายให้เฝ้าดูปลาแผ่นดินไหว หน้าที่ของยักษ์คาชิมะคือ ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อปลาแผ่นดินไหวดุร้าย ยักษ์คาชิมะต้องกระโดดขึ้นคร่อมบนตัวปลา จับเหงือกของมัน วางเท้าบนครีบของมัน และเมื่อจำเป็นให้ยกหินคานาเมะขนาดใหญ่ขึ้นและกดมันลงด้วยน้ำหนักของมัน จากนั้นมันก็สงบลงอย่างสมบูรณ์และแผ่นดินไหวก็หยุดลง

สังคมของดินแดนซากุระตั้งแต่อดีตกาลต้องเผชิญกับพายุแผ่นดินไหวมาชั่วลูกหลาน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ “ปลา” มากกว่าชาติใดๆ

ปี พ.ศ.2398 (ตรงกับช่วงต้นรัชสมัยในหลวง ร.4) เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองอันเซอิเอโดะ หลังจากนั้นภาพพิมพ์ยอดนิยมที่รู้จักกันในชื่อ ภาพพิมพ์ปลาดุก (namazu-e) ก็แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง

ภาพพิมพ์เหล่านี้มีรากฐานมาจากความเชื่อพื้นบ้านที่ว่า “ปลาดุกยักษ์” ใต้พื้นดินเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหว ภาพพิมพ์ปลาดุกหลายประเภทได้รับการตีพิมพ์ บางภาพเป็นภาพปลาดุกที่ถูกทำโทษจากแผ่นดินไหวและใช้เป็นเครื่องรางป้องกันแผ่นดินไหวในอนาคต

ใ นสังคมญี่ปุ่นครั้งอดีต ปลาดุกถูกพรรณนาว่าเป็นเทพเจ้าที่ได้รับความนิยม ซึ่งสามารถนำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีมาสู่ผู้คนในชนชั้นต่ำ เป็นสัญลักษณ์ของความหวังของสามัญชน

แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ที่มีมาคู่กับโลกใบนี้ หากแต่โบราณกาลไม่มีตึกสูง ชีวิตมนุษย์อยู่กับแนวราบเป็นหลัก

แนวคิด เรื่องเล่าในสมัยโบราณเกี่ยวกับแผ่นดินไหวของหลายชนชาติโดยมากถูกตีความว่าเกิดจากเหตุการณ์ 2 ประเภทคือ เทพเจ้าต่อสู้กันหรือสัตว์ในตำนานที่คอยพยุงโลกขยับตัว

ชาวจีนโบราณเชื่อว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดความตายและการทำลายล้างเป็นสัญญาณสำคัญจากสวรรค์

แผ่นดินไหวบางครั้งถูกอธิบายว่า เกิดขึ้นพร้อมกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอื่นๆ เช่น สุริยุปราคา ฟ้าร้องและฟ้าแลบ การเกิดดาวหาง อุกกาบาตตก พายุ น้ำท่วม และการเสียชีวิตของบุคคลสำคัญ

ชาวตะวันตกไม่เชื่อเรื่องเล่าแนวนี้ จึงออกสำรวจตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง…

นักธรณีวิทยาคือ กลุ่มคนที่ออกสำรวจ ค้นหาความจริงเรื่องสาเหตุแผ่นดินไหว จึงค่อยๆ นำมาหักล้างความเชื่อในอดีตได้

แผ่นดินไหวครั้งใดที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์?

22 พฤษภาคม พ.ศ.2503 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุด ที่เมืองวัลดิเวีย ในประเทศชิลี อเมริกาใต้ ซึ่งวัดได้ขนาด 9.4-9.6 ตามมาตราวัดริกเตอร์ เกิดขึ้นในช่วงบ่าย และเชื่อว่าแผ่นดินไหวกินเวลานาน 10 นาที ซึ่งเกิดขึ้นบนรอยเลื่อนที่มีความยาวเกือบ 1,000 ไมล์… ถือเป็น “แผ่นดินไหวครั้งใหญ่” อย่างแท้จริง

สัตว์สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้หรือไม่?

ข้อมูลอ้างอิงที่เก่าแก่ที่สุดที่เรามีเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของสัตว์ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่…

373 ก่อนคริสตกาลในแผ่นดินกรีกมีรายงานว่า หนู พังพอน งู และตะขาบ ออกจากบ้านและมุ่งหน้าไปยังที่ปลอดภัยหลายวันก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมายที่บ่งชี้ว่าปลา นก สัตว์เลื้อยคลาน และแมลง แสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติตั้งแต่หลายสัปดาห์จนถึงไม่กี่วินาทีก่อนเกิดแผ่นดินไหว

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ก่อนเกิดแผ่นดินไหวและกลไกที่อธิบายว่ากลไก
ดังกล่าวทำงานอย่างไรยังคงไม่ชัดเจน

ข่าว ข้อมูลนี้ น่าสนใจ น่าตื่นเต้นมากครับ…

29 มี.ค.68 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ปลารู้ไหมว่าแผ่นดินไหว ถ้ารู้แล้วทำไง? เพื่อนธรณ์ไปดำน้ำที่สิมิลันช่วงนั้นพอดี จึงเจอปรากฏการณ์สุดแปลกที่แทบไม่มีรายงานมาก่อน”

ดร.ธรณ์บอกว่า “ในช่วงแผ่นดินไหว ปลาในแนวปะการังต่างพากันลงไปนอนนิ่งกับพื้น ถ้าเป็นปลาตัวเดียวทำอาจไม่แปลกอะไร แต่ที่เจอคือปลาหลายตัวล้วนทำเช่นนั้น ลงไปนอนแนบกับพื้นทันที”

“โดยปกติ ฝูงปลาตอนกลางวันจะว่ายอยู่ในมวลน้ำ จะไม่ลงไปนอนติดพื้นพร้อมกันทั้งฝูง ต่อให้เป็นกลางคืนที่ปลานอน ก็จะแยกกันนอน ไม่รวมฝูงนอนแบบนี้”

“ปลารู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เพราะปลารับแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำได้ดีมาก คงเป็นสัญชาตญาณ ทำให้ปลาลงไปนอนแนบพื้น เพราะอาจเกิดกระแสน้ำปั่นป่วนหรือแม้กระทั่งสึนามิตามมา การนอนแนบพื้นของปลาก็เหมือนเวลาเราหลบภัยต้องหมอบราบกับพื้น หากลอยอยู่กลางน้ำมีความเสี่ยงที่จะโดนกระแสน้ำหรือคลื่นพัดพาไป” ดร.ธรณ์ระบุ

ใ นประเทศจีนเมื่อหลายศตวรรษก่อนได้มีการพยากรณ์แผ่นดินไหวโดยใช้เครื่องมือวัดแผ่นดินไหวขนาดเล็กและกิจกรรมของสัตว์ที่ไม่ปกติ ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะนอนนอกบ้านของตนเอง จึงรอดพ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้

คำถามยอดฮิตที่ต้องถามแล้วถามอีก

คุณสามารถทำนายแผ่นดินไหวได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่

หน่วยงานที่มีชื่อเสียงระดับโลก United States Geological Survey (USGS) หรือสำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ไม่เคยทำนายว่าจะมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น

เราไม่ทราบว่าจะเกิดอย่างไร เมื่อใด นักวิทยาศาสตร์ของ USGS สามารถคำนวณ “ความน่าจะเป็น” ที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้เท่านั้น (ซึ่งแสดงอยู่ในแผนที่ความเสี่ยงภัย) ในพื้นที่เฉพาะภายในจำนวนปีที่กำหนด

ตัวเลขวัดระดับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ไม่จำเป็นต้องเสียหายหนักเสมอไป ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวที่เมืองถังซาน ในประเทศจีน เมื่อปี 2519 ขนาดเพียง 7 ริกเตอร์เท่านั้น รุนแรงน้อยกว่าแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2547 แต่ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเกือบเท่ากัน

(เหตุการณ์เมื่อเช้าตรู่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทร ความลึกราว 28 กิโลเมตร บริเวณจังหวัดอาเจะห์ ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย ระดับ 9.2 เกิดคลื่นยักษ์เคลื่อนตัวมาเข้ากระแทก 6 จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งอันดามัน ได้แก่ กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง ภูเก็ต และสตูล เป็นครั้งแรกที่คนไทยรู้จักคำว่า สึนามิ พร้อมความสูญเสียราว 5,400 คน บาดเจ็บราว 8,000 คน)

แผ่นดินไหวรุนแรงอาจจะสูญเสียไม่มาก

มีเงื่อนไขหลายประการมีอิทธิพลต่อจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงที่เกิดภัยพิบัติดังกล่าว ได้แก่ ความลึกของแผ่นดินไหว ระยะทางไปยังพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น และการตอบสนองของสถานที่ โครงสร้างทางธรณีวิทยา

ขอแสดงความอาลัยต่อผู้เสียชีวิต ณ อาคาร สตง. เขตจตุจักร ขอชื่นชมการทำงานของภาครัฐ เอกชน อาสาสมัคร รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานช่วยชีวิต กู้ภัย…

คนไทยจำนวนมากยังมีอาการหลอน หวาดวิตกกับอาคารสูง คนไทยต้องเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป

แผ่นดินไหว มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ..ในประเทศไทย

พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image