ศรีลังกาตาสว่างเมื่อสายไปเสียแล้ว : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ธงชาติศรีลังกา

ศรีลังกา เป็นประเทศเกาะในมหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอนุทวีปอินเดีย ชื่อในอดีตได้แก่ ลังกา ลังกาทวีป ส่วนชื่อเรียกที่ว่า “ซีลอน” นั้นเป็นชื่อที่ใช้ในสมัยอาณานิคม จนถึง พ.ศ.2517 จึงได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “ศรีลังกา” (เหมือนสยามเปลี่ยนเป็นไทยนั่นแหละ) ศรีลังกามีพรมแดนทางทะเลติดต่อกับอินเดียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมัลดีฟส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สถานที่ตั้งประเทศของศรีลังกาถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการควบคุมมหาสมุทรอินเดีย

ประวัติศาสตร์เริ่มแรกการปกครองแบบอาณาจักรของศรีลังกาอ้างอิงจากคัมภีร์มหาวงศ์ทำนองตำนานว่า มีเจ้าชายอารยันพระองค์หนึ่งชื่อวิชัย ได้นำไพร่พล 700 คนมาจากเมืองสิงหปุระ แคว้นคุชราตทางตอนเหนือของอินเดียมาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลังกาเมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว และเชื้อสายของชาวอารยันพวกนี้เอง คือชาวสิงหลที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศศรีลังกาปัจจุบันคือประมาณ 74.8% ของประชากรศรีลังกาทั้งหมด

พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระมหินทเถระมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับชาวสิงหลที่เกาะลังกาเมื่อประมาณ พ.ศ.236 (พระเจ้าอโศกฯ ได้ส่งพระโสณเถระและพระอุตตรเถระมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย) ทำให้ชาวสิงหลเป็นชาวพุทธที่มั่นคงตั้งแต่นั้นมา

นอกจากนี้ยังมีพวกทมิฬที่นับถือศาสนาฮินดูอพยพมาจากทางตอนใต้ของอินเดีย ก็ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของเกาะลังกาประมาณ 200 ปี หลังจากพวกสิงหลและเป็นศัตรูรบราฆ่าฟันกันมาโดยตลอดประวัติศาสตร์ ปัจจุบันนี้ชาวทมิฬมีประมาณ 11.2% ของประชากรศรีลังกาทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีพวกมัวร์ คือชาวทมิฬ-อาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามมีประชากรในศรีลังกาประมาณ 9.2% ซึ่งพวกนี้สามารถอยู่ร่วมกับชาวสิงหลศรีลังกาได้เป็นอย่างดี

Advertisement

ศรีลังกาถูกรุกรานจากศัตรูภายนอกเป็นประจำแต่ก็ยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้อยู่ที่ราบสูงใจกลางประเทศ โดยมีเมืองหลวงชื่อแคนดี จนกระทั่งตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเมื่อ พ.ศ.2358 และเพิ่งจะได้รับเอกราชเมื่อ พ.ศ.2491 คือเมื่อ 69 ปีมานี้เอง

ธงชาติของศรีลังกานั้นน่าสนใจมากเพราะมีใบโพอยู่ 4 ใบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ส่วนสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของชาวสิงหล ส่วนแนวตั้งสีแสดนั้นแทนชาวทมิฬ และแนวตั้งสีเขียวแทนชาวมัวร์ที่นับถือศาสนาอิสลาม

อีทีนี้ก็มาถึงเรื่อง “ศรีลังกาตาสว่างเมื่อสายไปเสียแล้ว” ซึ่งนับเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่รู้จักกันในนามของ “one belt one road-วันเบลท์ วันโรด” ที่จีน

Advertisement
ท่าเรือของจีนที่กำลังสร้างที่โคลัมโบ

มุ่งที่จะเชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างจีนกับบรรดาประเทศต่างๆ ในยูเรเชีย (ทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย) และทวีปแอฟริกา ทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง (2560) ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนแรกของจีนจากมณฑลเจ้อเจียงที่ตั้งอยู่ภาคตะวันออกสุดของจีนวิ่งผ่านนานาประเทศ คือ คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ เยอรมนี เบลเยียม ฝรั่งเศส แล้วลอดช่องแคบอังกฤษเข้าสู่อังกฤษได้ในเวลา 18 วัน

แผนยุทธศาสตร์ชาติของจีน “one belt one road”

ซึ่งหากใช้การขนส่งสินค้าทางเรือจากจีนต้องใช้เวลามากกว่าเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว

ในขณะเดียวกันเส้นทางการเดินทะเลนั้นจีนได้ใช้เส้นทางเดินเรือของเจิ้งเหอที่นำกองเรือมหาสมบัติเข้ามาในมหาสมุทรอินเดียถึง 7 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.1948 ในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งเจิ้งเหอได้รบและจับกษัตริย์ชาวสิงหลของศรีลังกากลับไปเมืองจีนด้วย แต่ในยุคปัจจุบันจีนได้ดำเนินนโยบายเข้าช่วยชาวสิงหลในสงครามกลางเมืองระหว่างชาวสิงหลกับชาวทมิฬที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะด้วยการช่วยและปกป้องรัฐบาลของประธานาธิบดีราชปักษา ที่ทำสงครามที่โหดเหี้ยมกับพวกทมิฬด้วยการวีโต้การนำเรื่องสงครามของศรีลังกาขึ้นมาอภิปรายในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ และยังได้เสนอความช่วยเหลือเงินกู้มาสร้างสนามบินนานาชาติราชปักษาที่ได้ฉายาว่าเป็น “สนามบินนานาชาติที่ว่างเปล่าที่สุดในโลก” และท่าเรือน้ำลึกราชปักษาที่ศรีลังกากู้เงินจีนมาสร้างก็เช่นกันก็ไม่มีเรือของชาติใดมาใช้ประโยชน์เลย นอกจากเรือดำน้ำของจีนมาจอด ซึ่งก็เหมือนกับท่าเรือน้ำลึกของปากีสถานที่กู้เงินจีนมาหลายพันล้านดอลลาร์มาสร้างเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่มีใครมาใช้เลยนอกจากเรือรบของจีน

เมื่อศรีลังกาไม่สามารถใช้เงินให้จีนได้ตามกำหนด ก็ต้องยอมให้จีนได้สิทธิพิเศษในการสร้างท่าเรือน้ำลึกเพิ่มขึ้นอีกที่เมืองหลวงโคลัมโบของศรีลังกา ซึ่งตลกดีจังและจีนได้สัญญาเช่าท่าเรือใหม่นี้ 99 ปี เหมือนกับที่จีนเคยก่นด่าอังกฤษที่เช่าดินแดนของจีน 99 ปี เพราะการเช่านี้คือมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเลยนะครับ

ที่ผู้เขียนย้ำเรื่องศรีลังกากับสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้ง ก็เพื่อเตือนสติคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังคงเข้าใจว่าจีนจะเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทยด้วยความรักความเมตตาแบบพี่ชายใหญ่มาช่วยเหลือน้องแบบไม่ได้หวังอะไรเป็นเครื่องตอบแทนเท่านั้นแหละครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image