สุจิตต์ วงษ์เทศ : ฆ้องชัย ในงานประกาศใช้รัฐธรรมนูญมีลายขวัญ สืบเนื่องยุคดึกดำบรรพ์หลายพันปีมาแล้ว

พระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีหมายกำหนดการ ว่าเมื่อเสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม “มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านเปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่งแตรมโหรทึก” เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านกระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ จบแล้ว “ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์”

[มติชน ฉบับวันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 หน้า 10]

ล้วนสืบประเพณีเคยมีมาแต่ยุคต้นอยุธยา พบในกฎมณเฑียรบาล ราว พ.ศ. 2000 ว่า “นักเทศตีกรับ” “กระทั่งแตรสังข์” “ชักม่านไขล่อง” และมีตำแหน่งต่างๆ ดังนี้ “ขุนศรีสังกร เป่าสังข์ พระอินทโรตีอินทเภรี พระนนทิเกษตีฆ้องไชย ขุนดนตรีตีหรทึก”

 

กรับ

ADVERTISMENT

“มหาดเล็กรัวกรับ” หมายถึง มหาดเล็กตีกรับรัวต่อเนื่องเป็นชุดหรือเป็นลา มี 3 ลา

กรับมี 3 อย่าง เรียก กรับคู่, กรับพวง, กรับเสภา

ยุคเก่าสุดใช้กรับคู่ ทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก หลังจากนั้นจึงใช้กรับพวง ส่วนกรับเสภาใช้ตีเมื่อขับเสภา

กรับพวง ทำด้วยไม้บางๆ หรือด้วยแผ่นทองเหลือง หรือด้วยงาหลายๆ อัน และทำไม้แก่นหรืองา 2 อัน เจาะรู ตอนหัว ร้อยเชือกประกบไว้สองข้างอย่างด้ามพัด เมื่อตีใช้มือหนึ่งถือตรงหัวทางเชือกร้อย แล้วฟาดอีกข้างหนึ่งลงบนอีกฝ่ามือหนึ่ง ใช้เป็นอาณัติสัญญาณ เช่น ในการเสด็จออกเป็นพระราชพิธีของพระเจ้าแผ่นดิน อย่างที่เรียกว่า “รัวกรับ” และต่อมาก็ใช้กรับพวงตีเป็นจังหวะในการขับร้องเพลงเรือ, ดอกสร้อย, สักรวา และใช้ในการบรรเลงมีขับร้องและในการแสดงละคร (สรุปจากหนังสือ เครื่องดนตรีไทย ของ ธนิต อยู่โพธิ์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2500)

กฎมณเฑียรบาลยุคต้นอยุธยา ราว พ.ศ. 2000 บอกว่า “นักเทศตีกรับ” เป็นร่องรอยว่ากรับพวงจะมาจากอินโด-เปอร์เซีย เพราะนักเทศ หมายถึง ชาวต่างประเทศที่รับราชการ ซึ่งมาจากอินเดีย หรืออิหร่าน (เปอร์เซีย)

 

ชาวพนักงาน

“ชาวพนักงาน” บางแห่งในกฎมณเฑียรบาลเรียก “เสภา” เช่น เสภาดนตรี หมายถึง ชาวพนักงานดนตรี เป็นหญิงล้วน บรรเลงเครื่องสาย

 

ฆ้องชัย

“ฆ้องชัย” เป็นคำเรียกใหม่ยุคหลังอินเดีย รับคำว่าชัย (คำอินเดีย) มาต่อท้ายคำว่าฆ้อง (คำชวา-มลายู)

ฆ้องชัยมีลายเป็นแฉกๆ ล้อมปุ่มฆ้องตรงกลาง ลายเป็นแฉกๆ หมายถึง ขวัญบนกลางกระหม่อมของคน เมื่อตีให้เสียงฆ้องดังกังวานเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกขวัญให้คืนร่างคน (ไม่ใช่รูปดาวเดือน หรือดวงตะวัน ตามที่เคยเข้าใจมานาน)

ลายขวัญเป็นแฉกๆ มีอยู่บนภาพเขียนสีผนังถ้ำและเพิงผา, หม้อเขียนสีบ้านเชียง, หน้ากลองทองมโหระทึก ราว 2,500 ปีมาแล้ว