ที่มา | คอลัมน์ : ภาพเก่าเล่าตำนาน |
---|---|
ผู้เขียน | พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก |
ชนชาติเวียดนามเข้ามามีอิทธิพลในเขมรตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 มีอิทธิพลทั้งโดยตรงและโดยอ้อม และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถครอบครองกัมพูชาได้
พ.ศ.2356 (ตรงกับรัชสมัยในหลวง ร.2 ) นักองจัน กษัตริย์เขมรได้หันไปขอความช่วยเหลือจากเวียดนาม ทำให้ตลอดรัชกาลของพระองค์กัมพูชาอยู่ภายใต้การอารักขาของเวียดนาม
พ.ศ.2377 หลังจากนักองจันสิ้นพระชนม์ เวียดนามได้เข้ามาปกครองกัมพูชาในฐานะ “จังหวัดหนึ่งของเวียดนาม” และได้พยายามทำลายวัฒนธรรมเขมร อิทธิพลของเวียดนามยังคงอยู่ในช่วงที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เขมรต้องเสียเมือง ไซ่ง่อน เสียดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงและเมืองไตนิญให้แก่เวียดนาม
ขอรวบรัดตัดตอนครับ…
17 เมษายน 2518 ทันทีที่เขมรแดงเข้ายึดครองกรุงพนมเปญได้ รัฐบาลเขมรแดงกับเวียดนามก็เริ่มหวาดระแวง ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ทั้ง 2 จะเคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อนในช่วงที่ต่อสู้เพื่อระบอบคอมมิวนิสต์ในระยะเริ่มแรก
(อันที่จริง กองทัพสยามและเวียดนาม ต่างเข้าไปต่อสู้แย่งชิงดินแดน แย่งกันสร้างอิทธิพลปกครองดินแดนเขมรยาวนาน 14 ปี มีบันทึกชื่อ อันนัมสยามยุทธ)
เขมรแดง เมื่อได้ครองอำนาจ ออกอาการต่อต้านเวียดนามและพยายามที่จะฟื้นฟูประเทศไปสู่สมัยก่อนที่เวียดนามจะเข้ามามีอิทธิพล ในขณะที่เวลานั้น กองทัพเวียดนามเหนือที่เอาชนะเวียดนามใต้สำเร็จ กำลังแข็งแกร่ง ห้าวหาญสุดขีดในภูมิภาคกำลัง “รวมชาติเวียดนาม เหนือ-ใต้”
ย้อนไประหว่างสงครามเวียดนาม คอมมิวนิสต์เวียดนามและเขมรแดงเป็นพันธมิตรกันเพื่อสู้รบกับรัฐบาล “สาธารณรัฐเขมร” ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง
เมื่อเขมรแดงได้ครองอำนาจและสถาปนา กัมพูชาประชาธิปไตย และใช้คำว่า “อังการ์หรือองค์กร “ เป็นคำแทนกลุ่มของตน
พ.ศ.2520 เขียว สัมพัน มีฐานะเป็นประมุขรัฐแต่ผู้มีอำนาจจริงๆ คือ พล พต และเอียง ซารี เป้าหมายของเขมรแดงคือต้องการล้มล้างระบอบศักดินาออกไปจากกัมพูชา และสร้างสังคมอุดมคติสำหรับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทำให้เกิดการสังหารหมู่ชาวเขมรนับล้านคนตามมา
แม้ว่าจะแสดงท่าทีร่วมมืออย่างเปิดเผยกับเวียดนาม แต่ผู้นำเขมรแดงก็ยังเกรง ระแวงว่าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำลังวางแผนจัดตั้ง “สหพันธ์อินโดจีน” โดยมีเวียดนามเป็นแกนนำ
เพื่อชิงตัดหน้าความพยายามของเวียดนามในการครอบงำชาวเขมร ผู้นำเขมรแดงจึงเริ่ม “กวาดล้าง” กำลังพลที่ได้รับการฝึกจากเวียดนามในหน่วยทหารของตนเองด้วย
เบื้องหลังลึกๆ ในใจที่ผู้นำกัมพูชายัง “กลัวมาก “ คือการขยายตัวของเวียดนาม
1 พฤษภาคม 2518 เกิดการปะทะกันของทั้ง 2 ประเทศครั้งแรก เมื่อเขมรแดงโจมตีเกาะฟู้โกว๊ก (PhÚ QuÔc) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ใกล้กับชายฝั่งกัมพูชา ซึ่งเขมรอ้างว่าเป็นดินแดนของตน
10 พฤษภาคม 2518 เขมรแดงเข้าโจมตีเกาะโถเจิว และฆ่าชาวเวียดนามไปราว 500 คน ทหารเวียดนามได้เข้าโจมตีทหารกัมพูชาที่เกาะทั้ง 2 แห่ง และเข้ายึดครองเกาะปูลูไวของกัมพูชาไว้ด้วย
มิถุนายน 2518 พล พต ไปเยือนฮานอยและมีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างกัน
สิงหาคม 2518 เวียดนามได้คืนเกาะปูลูไวให้กัมพูชา
พ.ศ.2520 พล พต ผู้นำเขมรแดงจอมโหด เดินทางเยือนจีน ถือว่าเป็นความพยายามเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลเขมรแดงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อขอให้ปักกิ่งคุ้มครองจากภัยคุกคามทางทิศตะวันออก คือ เวียดนาม
ช่วงการปกครองของเขมรแดง มีการบุกเข้าตี สังหารโหด ชาวเวียดนามตามแนวชายแดนต่อเนื่อง
เวียดนามถือว่าตนเป็น “ผู้นำ” โลกคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะได้เคยให้ความช่วยเหลือเขมรแดง เวียดนามยังเคยช่วย “ขบวนการปะเทดลาว” ในการต่อสู้เพื่อสถาปนาระบอบคอมมิวนิสต์สำเร็จ
เรื่องเขตแดนและการเมือง คือ รากฐานของความขัดแย้ง
กันยายน 2519 เมื่อพล พต และเอียง ซารี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีและ รมว.กห.เขมร นายฝั่ม วัน ด่ง และเลขาธิการทั่วไปของพรรคคอมมิวนิสต์ และนาย เล ดวน ไปแถลงการณ์ประณามทั้ง พล พต และเอียง ซารี ว่าเป็นคนเลว เพราะนิยมความคิดแบบจีน ในการประชุมที่สถานทูตสหภาพโซเวียต
30 เมษายน 2520 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปีที่ “ไซ่ง่อนแตก” ทหารเขมรแดงได้เข้าโจมตีจังหวัดอานซางและเมืองเจิวด๊ก ฆ่าชาวเวียดนามไปราวร้อยคน
7 มิถุนายน 2520 กองทัพประชาชนเวียดนามได้ส่งทหารเข้าไปในพื้นที่คืนและเรียกร้องให้มีการเจรจาในระดับสูง
18 มิถุนายน 2520 เขมรแดงได้ประกาศให้เวียดนามถอนตัวออกจากพื้นที่พิพาทและกำหนดเขตปลอดทหารขึ้นมา หากแต่ล้มเหลว
กันยายน 2520 กองทัพเขมรยังข้ามพรมแดนไปโจมตีชาวเวียดนามอีก เผาทำลายหมู่บ้านไป 6 หมู่ ในจังหวัดด่งท้าป และได้รุกเข้าไปในจังหวัดเต็ยนิญ 10 กิโลเมตร และฆ่าชาวเวียดนามไปกว่า 1 พันคน
16 ธันวาคม 2520 กองทัพเวียดนามราวกว่า 60,000 คน รุกข้ามพรมแดนเข้าไปในเขมร กองทัพเวียดนามทำลายอำนาจทหารเขมรแดงอย่างรวดเร็ว
กองทัพเวียดนามเอาคืน บุกยึด “จังหวัดสวายเรียง” ได้ ประกาศท้ารบ เรียกร้องให้เขมรแดงออกมาเจรจาตกลงเรื่องเขตแดน
31 ธันวาคม 2520 เขียว สัมพัน ออกมาประกาศขอให้เวียดนามถอนทหารออกไป
มกราคม 2521 เวียดนามถอนทหารออกไป โดยมีการประหารนักโทษจำนวนมาก มีผู้อพยพหนีตายไปอยู่กับเวียดนาม
หนึ่งในนั้นคือ ฮุน เซน ทหารเขมรแดง ที่แปรพักตร์ไปสวามิภักดิ์กับกองทัพเวียดนามที่มาบุกดินแดนเขมร
กองทัพเขมรลำพองใจ ถือว่าการที่เวียดนามยอมถอนทหารถือเป็นชัยชนะ จึงยัง “รุกแบบจำกัด” ตามชายแดนรอยต่อเวียดนาม
มกราคม 2521 กองทัพเขมรบุกเวียดนามอีกที่เมืองฮาเตียน
นายฝั่ม วัน ด่ง รมว.ต่างประเทศของเวียดนาม ได้เดินทางไปเยือนปักกิ่งบ่อยครั้ง เพื่อเจรจาถึงปัญหากับรัฐบาลกัมพูชา จีนพยายามเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างเวียดนามกับเขมร ในพื้นที่ภาคตะวันออกของเขมร
ประชาชนเขมรตามแนวชายแดนรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลโหดของตัวเอง พล พต สั่งเคลื่อนทหารเขมรแดงจากทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าไปยังภาคตะวันออกเพื่อสังหารนายโส พิม ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายต่อต้าน ซึ่งต่อมา ฆ่าตัวตาย
12 เมษายน 2521 นายเฮง สัมริน หนีตายไปอยู่กับเวียดนาม
เขมรเรียกร้องให้เวียดนามมาสู่การเจรจาโดยยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาแต่เวียดนามปฏิเสธ ทหารเขมรจึง “รุกข้ามเส้นเขตแดน” เข้าไปยังเวียดนามประมาณ 2 กิโลเมตร สังหารชาวเวียดนามไปมากกว่า 3,000 คน ในหมู่บ้านบาจุ๊ก จังหวัดอานซาง
สงครามเป็นทางเลือกสุดท้าย…
มิถุนายน 2521 กองทัพอากาศเวียดนามเริ่มบินมาทิ้งระเบิดในกัมพูชาตามแนวชายแดน ผู้นำฝ่ายต่อต้านเขมรแดงในภาคตะวันออกของเขมรหนีไปสมทบกับกองทัพเวียดนามและได้จัดตั้งกองทัพปลดปล่อยโดยมีเวียดนามสนับสนุน
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมองว่า “จีน” เป็นมหาอำนาจที่เข้ามาแทนที่สหรัฐและเขมรแดงเป็นตัวแทนของจีน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดงออกไป
ครึ่งปีหลังของ พ.ศ.2521 สื่อเวียดนามเริ่มนำเสนอภาพที่โหดร้ายของระบอบพล พต เวียดนามส่งกองทัพฝ่ายต่อต้านแทรกซึมเข้าไปในเขมรและเวียดนามไปขอการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต วิทยุเวียดนามเริ่มออกประกาศชักชวนให้ฝ่ายต่อต้านลุกฮือต่อต้านเขมรแดง
3 พฤศจิกายน 2521 มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างเวียดนามกับสหภาพโซเวียต กระชับความสัมพันธ์ทางทหารเวียดนาม-โซเวียต
กองทัพเวียดนาม ไม่รอช้า…เตรียมการเพื่อรุกใหญ่เข้าไปในเขมรแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีนายพลเล ดึ๊ก อัญ เป็นแม่ทัพ
เวียดนามเตรียมบุกเขมรอย่างมีขั้นตอนทางการทหาร
เวียดนามประกาศจัดตั้งแนวร่วมกู้ชาติกัมพูชา ในพื้นที่ปลดปล่อยของกัมพูชา ฮานอยแถลงว่า ขบวนการนี้เป็นขบวนการคอมมิวนิสต์ของกัมพูชาที่เป็นอิสระ โดยมี เฮง สัมริน ที่เคยเป็นทหารเขมรแดงมาก่อนเป็นหัวหน้า มีทหารกัมพูชาที่เป็นแนวร่วมราว 300 คน
วันแห่งประวัติศาสตร์ของการสูญสิ้นเอกราช…
วันที่ 25 ธันวาคม 2521 คือ วันคริสต์มาส กองทัพเวียดนาม ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ฯลฯ 150,000 คน รุกข้ามพรมแดนเข้าสู่ดินแดนเขมรเต็มรูปแบบ โดยมีกองทัพอากาศสนับสนุน
7 มกราคม 2522 เพียง 2 สัปดาห์ กองทัพเวียดนามก็เข้ายึดพนมเปญ ชาวเขมรในพนมเปญต้อนรับกองทัพเวียดนามเยี่ยงวีรบุรุษ ที่มาปลดปล่อยดินแดนเขมรที่ฆ่ากันเอง ที่มีคนตายกว่า 2 ล้านคนในช่วงเวลา 3 ปีเศษของเขมรแดง
ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ สังคมไทยไม่ควรลืมนะครับ…
กองทัพฝ่ายเขมรแดงนับหมื่นถอยร่นไปทางตะวันตก มาประชิดชายแดนไทย ชาวเขมรราว 7 แสนคนหนีตายเข้ามาในไทย รัฐบาลไทยช่วยรักษาทุกชีวิตในแผ่นดินไทยราว 20 ปี
(ผู้เขียนและหน่วยทหารจาก ร.21 พัน 3 รอ.) ที่ไปวางกำลังตามแนวชายแดน ณ อ.วัฒนานคร มีโอกาสได้สัมผัสเขมรทุกฝ่าย ที่สับสน ไม่ทราบว่าใครเป็นใคร แม้กระทั่งกองกำลังเขมรแดงที่ปัจจุบันบางคนก็ยังมีชีวิตอยู่)
เวียดนามจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา นายเฮง สัมริน เป็นประมุขรัฐ และแปน โสวัณ เป็นเลขาธิการทั่วไปของพรรคปฏิวัติประชาชนกัมพูชา แปลว่า เวียดนามเข้าปกครองประเทศ
มกราคม 2522 เริ่มร่างรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา โดยมีเวียดนามเป็นผู้กำกับ
พ.ศ.2524 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ โดยกำหนดว่ากัมพูชาเป็นประเทศเอกราช มีสันติภาพ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน มีชาวเวียดนามเป็นที่ปรึกษาในการบริหารราชแผ่นดิน
นักการทหาร ลงความเห็นว่า…สงครามกัมพูชา-เวียดนาม เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยมีสาเหตุจากความตึงเครียดตามแนวชายแดน เรื่องเขตแดนและความขัดแย้งทางการเมือง
พ.ศ.2532 เวียดนามถอนทหารตัวออกไปจากดินแดนเขมร หลังการประชุมระดับโลกหลายครั้งที่กดดันเวียดนามให้ถอนกำลัง
ประเด็นพิพาทเรื่องแนวพรมแดนระหว่างเวียดนาม-กัมพูชา กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งปี 2556 เมื่อพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งเป็นอดีตพรรคฝ่ายค้าน กล่าวหา “พรรคประชาชนกัมพูชา” ของฮุน เซน ว่าทำให้ประเทศชาติต้องเสียดินแดนไปให้กับเวียดนาม และอ้างว่าสนธิสัญญาฉบับเพิ่มเติมว่าด้วยแนวพรมแดนที่เขมรทำไว้กับเวียดนามเมื่อปี 2005 นั้นขัดรัฐธรรมนูญ
เวียดนามปกครองประเทศกัมพูชาราว 11 ปี ครับ
พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก