สุจิตต์ วงษ์เทศ : สาดน้ำสงกรานต์ พม่ามีเล่นทั่วไปแล้วตั้งแต่ก่อนยกทัพตีอยุธยา

ฉีดน้ำและสาดน้ำสงกรานต์ในกรุงมัณฑะเลย์ ที่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2431 (ตรงกับไทยสมัย ร.5) [ภาพ THE BURMESE NEW YEAR จาก THE GRAPHIC (ฉบับวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1888 หน้า 13)]

สาดน้ำสงกรานต์ พม่ามีก่อนไทยนานมาก อาจเป็นร้อยปีก็ได้ แต่ไม่พบหลักฐานว่านานขนาดไหน? นักปราชญ์ร่วมสมัยของไทยเคยตั้งข้อสังเกตนานแล้วว่าไทยรับสาดน้ำสงกรานต์จากพม่า

ก่อนเล่นสาดน้ำ ชุมชนบ้านเมืองดั้งเดิมในภูมิภาคอุษาคเนย์ล้วนมีประเพณีรดน้ำ (ดำหัว) เป็นวัฒนธรรมร่วมเหมือนกันหมด ต่อมาบางแห่งดัดแปลงรดน้ำเป็นสาดน้ำด้วยเหตุใดยังไม่พบคำอธิบาย คงต้องแสวงหากันต่อไป

พม่าเล่นสาดน้ำสงกรานต์ก่อนตีอยุธยา

ในพม่า สาดน้ำสงกรานต์น่าจะมีนานแล้วตั้งแต่ก่อนพระเจ้ากรุงอังวะยกทัพตีกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ. 2310 เพราะมีบอกในบันทึกของ พันโท ไซมส์ ทูตอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2338 ว่าได้รับเชิญไปร่วมงานวันสิ้นปีเก่าเริ่มปีใหม่ในกรุงอังวะ

Advertisement

“เวลาเย็นไปถึงบ้านเจ้าเมืองอังวะ “เขาเตรียมน้ำใส่ตุ่มไว้ และมีขันสำหรับจ้วงตัก พันโท ไซมส์ กับพวกมีน้ำดอกไม้เทศไปด้วยคนละขวด และเทน้ำดอกไม้เทศลงบนฝ่ามือเจ้าเมืองคนละนิด เจ้าเมืองก็เอาประพรมตามเสื้อผ้าของตน แล้วมีเด็กหญิงเล็กๆ เป็นบุตรสาวเจ้าเมือง เทน้ำดอกไม้เทศปนกับผงไม้จันทน์ลงบนฝ่ามือของเจ้าเมือง แล้วก็หยดเทบนฝ่ามือฝรั่งทุกคน เสร็จแล้วก็เล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานเปียกโชกไปหมดจนเหนื่อยจึงเลิกกัน”

[หนังสือประเพณีไทยเกี่ยวกับเทศกาล ของ เสฐียรโกเศศ อ้างถึงบันทึกของ พันโท ไซมส์ ทูตอังกฤษไปกรุงอังวะ พ.ศ. 2338]

พ.ศ. 2338 ทูตอังกฤษร่วมเล่นสาดน้ำสงกรานต์ในกรุงอังวะ เป็นช่วงเวลาหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเพียง 18 ปี ตรงกับแผ่นดิน ร. 1 กรุงรัตนโกสินทร์ ขณะนั้นในไทยไม่พบหลักฐานว่ามีเล่นสาดน้ำสงกรานต์

Advertisement

 

ในไทย

สาดน้ำสงกรานต์ในไทย น่าจะมีหลัง ร.3 (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2367-2394)

เพราะนิราศเดือน แต่งโดยเสมือนมี กวีแผ่นดิน ร.3 พรรณนากิจกรรมสงกรานต์เดือน 5 มีหลายอย่างต่างๆ นานา เช่น เล่นพนัน, เล่นเซ็กซ์ ฯลฯ รวมทั้งมีรดน้ำ แต่ไม่มีสาดน้ำ

ถ้ามีสาดน้ำอึกทึกครึกโครมเปียกโชกทั้งสาวหนุ่ม เสมียนมีคงไม่ลืมบันทึกไว้ แต่นี่กลับไม่บันทึกเลย จะคัดทั้งหมดมาให้อ่าน ดังนี้

 

โอ้ฤดูเดือนห้าน่าคิมหันต์

พวกมนุษย์สุดสุขสนุกครัน              ได้ดูกันพิศวงเมื่อสงกรานต์

ทั้งผู้ดีเข็ญใจใส่อังคาส                   อภิวาทพุทธรูปในวิหาร

ล้วนแต่งตัวทั่วกันวันสงกรานต์        ดูสะคราญเพริศพริ้งทั้งหญิงชาย

ที่เฒ่าแก่แม่ม่ายมิใคร่เที่ยว              สู้อดเปรี้ยวกินหวานลูกหลานหลาย

ที่กำดัดซัดสีสวยทั้งกาย                 เที่ยวถวายน้ำหอมพร้อมศรัทธา

บ้างก็มีที่สวาทมาดพระสงฆ์            ต่างจำนงนึกกำดัดขัดสิกขา

ได้แต่เพียงพูดกันจำนรรจา             นานนานมากลับไปแล้วใจตรอม

ล้วนแต่งตัวเต็มงามทรามสวาท        ใส่สีฉาดฟุ้งเฟื่องด้วยเครื่องหอม

สงกรานต์ทีตรุษทีไม่มีมอม             ประดับพร้อมแหวนเพชรเม็ดมุกดา

มีเท่าไรใส่เท่านั้นฉันผู้หญิง             ดูเพริศพริ้งเพราเอกเหมือนเมขลา

รามสูรเดินดินสิ้นศักดา                  เที่ยวไล่คว้าลางทีก็มีเชิง

บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วจนมัวมืด     ใครขี้ตืดถากถางวางกันเหลิง

 

บ้างฉุดมือยื้อผ้าด่ากันเปิง               ที่รู้เชิงทำแปดเก้าเป็นเจ้ามือ

เขาตัดไพ่ตายแพ้เหลือแต่ผ้า         สิ้นปัญญาบ่นพลางครางหือๆ

นั่งเสียใจเต็มทีต้องหนีมือ               ไม่สัตย์ซื่อทำไพ่ตายเขาเอง

ดูเขาเล่นเป็นฤดูไม่รู้ขาด                นุชนาฏพึ่งกะเตาะขึ้นเหมาะเหม็ง

บ้างก็หลงเลยเล่นเป็นนักเลง        ฉันนี้เกรงกลัวนักไม่รักเลย

ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานด้วยการเล่น     บ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเฉย

แต่ตัวเราเปล่าไปมิได้เชย             โอ้อกเอ๋ยคิดไปแล้วใจตรม

ให้เจ็บจุกทุกข์เท่าคีรีศรี                ด้วยไม่มีคู่ชิดสนิทสนม

ทุกวันนี้ใครมีซึ่งคู่ชม           สำราญรมย์เริงจิตเป็นนิจกาล

เมื่อไรเล่าเรานี้จะมีบ้าง                จะได้ว่างเว้นทุกข์สนุกสนาน

แต่นึกตรองปองหามาช้านาน          ทอดสะพานเข้าที่ไหนไม่ได้เลย

(จบเดือน 5 ต่อไปพรรณนาเดือน 6)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image