เหตุเกิดที่ซีเรีย : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

พื้นที่ : สีน้ำเงิน (อลาวียะห์) สีม่วง( ซุนนีย์) สีส้ม (ISIL) สีเทา (เคิร์ด)

ดินแดนที่เรียกว่าเลอแวนต์ (Levant) ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ตะวันออก” คือดินแดนทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเดิมเป็น
ที่ตั้งของประเทศซีเรียและปาเลสไตน์ (ดูรูป)

ดินแดนเลอแวนต์ (สีเหลือง)

เดิมเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิออตโตมานจนกระทั่งจักรวรรดิออตโตมานล่มสลายลงภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษกับฝรั่งเศสจึงได้แบ่งดินแดนเลอแวนต์นี้ออกเป็นสองส่วนโดยสนธิสัญญาไซคส์-พิโกท์ (Sykes-Picot) โดยนักการทูตอังกฤษชื่อ มาร์ค ไซคส์ กับนักการทูตฝรั่งเศสชื่อ ฟรานซิส จอร์จ-พิโกท์ ได้ใช้ปากกาขีดแบ่งดินแดนเลอแวนต์เอากันง่ายๆ คือ

ส่วนบนทางทิศเหนือเป็นเขต A ให้ฝรั่งเศส ส่วนทางใต้เป็นเขต B ให้เป็นของอังกฤษ (ดูรูป)

การแบ่งเลอแวนต์เป็น 2 ส่วน A และ B

ปัจจุบันดินแดนเลอแวนต์ได้ถูกแบ่งเป็น 4 ประเทศ คือในเขต A ของฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 2 ประเทศคือ ประเทศซีเรียกับประเทศเลบานอน ส่วนในเขต B ซึ่งเป็นของอังกฤษแบ่งเป็น 2

Advertisement

ประเทศเช่นกันคือ ประเทศอิสราเอลกับประเทศจอร์แดน ซึ่งเป็นผู้คนที่มาจากภายนอกทั้งสิ้นคือพวกยิวที่มาจากทั่วโลกเข้ามายึดครองอิสราเอลและพวกอาหรับที่เดินทางมาจากคาบสมุทรอาระเบียเข้ามายึดครองจอร์แดน ส่วนชาวพื้นเมืองปาเลสไตน์จึงกลายเป็นผู้ที่ไร้ดินแดนไป

ประเทศซีเรียหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เป็นประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มีพรมแดนทิศตะวันตกจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทิศเหนือจรดประเทศตุรกี ทิศตะวันออกจรดประเทศอิรัก ทิศใต้จรดประเทศจอร์แดน และทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศอิสราเอล กรุงดามัสกัส เมืองหลวง เป็นนครที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ประเทศซีเรียเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงและทะเลทราย มีประชากรกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาหลากหลาย ส่วนมากเป็นชาวอาหรับ ซึ่งรวมพวกอลาวียะห์
(ซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์สาขาหนึ่ง) มุสลิมซุนนีย์และอาหรับคริสต์ กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ได้แก่ ชาวอาร์มีเนีย
อัสซีเรีย เคิร์ดและเติร์ก ส่วนชาวอาหรับซุนนีย์เป็นกลุ่มประชากรใหญ่ที่สุดในประเทศซีเรีย

ปัญหาใหญ่ของซีเรียก็คือจำนวนประชากรที่หลากหลายสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ คือ

1) อาหรับซุนนีย์ มี 60% ของประชากรในซีเรีย
2) อาหรับอลาวียะห์ มี 20% ของประชากรในซีเรีย
3) เคิร์ดซุนนีย์ มี 9% ของประชากรในซีเรีย
4) อาหรับคริสต์ มี 9% ของประชากรในซีเรีย

เมื่อ พ.ศ.2513 เกิดมีการรัฐประหารโดย นายฮาเฟซ อัลอะซัด ผู้เป็นนายทหารอากาศและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่ง นายฮาเฟซ อัลอะซัด เป็นชาวอาหรับอลาวียะห์ (ชีอะห์สาขาหนึ่ง) ก็ได้กลายเป็นผู้เผด็จการของซีเรียร่วม 30 ปี ซึ่งในช่วง 30 ปีนี้นายฮาเฟซ อัลอะซัดได้แต่งตั้งนายทหารระดับบังคับบัญชาของทุกเหล่าทัพด้วยชาวอาหรับอลาวียะห์ทั้งสิ้น รวมทั้งบรรดาผู้มีอำนาจทางการเมืองในตำแหน่งต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นชาวอาหรับอลาวียะห์โดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้นายฮาเฟซ อัลอะซัด ยังปราบปรามพวกกบฏที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของการปกครองของเขาอย่างโหดเหี้ยมดังเช่นการฆ่าหมู่ของพวกกบฏและชาวเมืองที่เมืองฮามา เมื่อ พ.ศ.2525 รายงานว่ามีคนตายประมาณ 20,000-40,000 คนเลยทีเดียว

เมื่อนายฮาเฟซ อัลอะซัด ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2543 นายบัชชาร อัลอะซัด ผู้เป็นลูกชายก็ได้เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2543 สืบทอดจากฮาเฟซอัลอะซัด ซึ่งนายบัชชาร อัลอะซัด ผู้เป็นหมอฟันก็ยังคงดำเนินการปกครองแบบเผด็จการอย่างเข้มงวดเหมือนพ่อของเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน

นับแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นมา ประเทศซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองซึ่งเป็นผลพวงจากอาหรับสปริง (เป็นคลื่นปฏิวัติการเดินขบวน การประท้วงและสงครามซึ่งเกิดขึ้นในโลกอาหรับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2553 การประท้วงมีวิธีการดื้อแพ่งร่วมกันในการรณรงค์ต่อเนื่องซึ่งเกี่ยวข้องกับการนัดหยุดงาน การเดินขบวน การเดินแถว และการชุมนุม เช่นเดียวกับการใช้โซเชียลมีเดียในการจัดระเบียบ สื่อสารและสร้างความตระหนักเมื่อเผชิญกับความพยายามของรัฐในการปราบปรามและตรวจพิจารณาอินเตอร์เน็ตซึ่งมีรัฐบาลถูกโค่นจากอำนาจในตูนิเซีย อียิปต์ ลิเบีย และเยเมน) ต่อรัฐบาลของนายบัชชาร อัลอะซัด โดยกลุ่มต่อต้านตั้งรัฐบาลทางเลือกขึ้น คือ แนวร่วมแห่งชาติซีเรียในเดือนมีนาคม 2555 ต่อมา ผู้แทนรัฐบาลนี้ได้รับเชิญให้แทนที่ประเทศซีเรียในสันนิบาตอาหรับ

แต่รัฐบาลของ นายบัชชาร อัลอะซัด ก็ยังคงต่อสู้กับแนวร่วมแห่งชาติซีเรียได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำเนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากบรรดากลุ่มชีอะห์จากอิหร่าน พวกเฮซบอลเลาะห์จากเลบานอนและจากรัสเซียอย่างเปิดเผยเมื่อ พ.ศ.2558 เป็นต้นมา ในขณะที่กลุ่มประเทศมุสลิมซุนนีย์ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย ตุรกี จอร์แดน และสหรัฐอเมริกา กับประเทศในกลุ่มนาโต
อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย ก็เข้าช่วยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลของนายบัชชารอัลอะซัด อย่างเปิดเผย แต่ดูทีท่าแล้วบรรดาอาหรับซุนนีย์ไม่สามารถทำการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพมีเพียงแต่กลุ่มชาวเคิร์ดในซีเรียเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐบาลของนายบัชชาร อัลอะซัด

นอกจากนี้ยังมีพวกรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลอแวนต์ (ISIL) หรือรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ISIS) ซึ่งเป็นมุสลิมซุนนีย์หัวรุนแรงที่เป็นตัวแทรกเข้ามาในพวกต่อต้านรัฐบาลของนายบัชชาร อัลอะซัด แต่ก็เป็นศัตรูกับทุกฝ่ายด้วย ที่สำคัญคือพวกนี้รบเก่งที่สุดเสียด้วย

สงครามกลางเมืองของซีเรียดำเนินมา 6 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าที่จะยุติลงได้ถึงแม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะสั่งให้กองทัพเรืออเมริกันถล่มฝ่ายรัฐบาลของบัชชาร อัลอะซัด ด้วยจรวดโทมาฮอว์กถึง 59 ลูก เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมานี้ก็ตาม เพราะบรรดาชาวอาหรับอลาวียะห์ของซีเรียผู้ได้อภิสิทธิ์และมีอำนาจเหนือชาวซีเรียร่วม 50 ปี ย่อมเกรงกลัวว่าหากพวกตนหยุดรบแล้วก็จะถูกล้างแค้นจากชาวซีเรียทั้งหลายอย่างแน่นอน

ซึ่งปัญหานี้ก็ดูจะคล้ายๆ กับประเทศที่ทำการรัฐประหารหลายประเทศที่ชนกลุ่มน้อยใช้อำนาจไม่เป็นธรรมข่มเหงชนหมู่มากจึงยากที่จะปรองดองกันได้นั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image