ทางตัน ?

ทางตัน ?

ทั้งก่อนและหลังการชุมนุมประกาศเจตนารมณ์ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ของแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลแพทองธาร ในนาม “คณะรวมหลังแผ่นดิน” ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา

ประเด็นหนึ่งที่ถูกประโคม เรียกร้องหาทางออกกันอีกครั้งหากการเมืองถึงทางตัน

ด้วยเหตุจาก ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ดี หรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาตรา 154 ส่งผลให้คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทน และวุฒิสภา สิ้นสุดสมาชิกภาพ ก็ตาม

ให้ยึดเอารัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 5 วรรคสอง เป็นทางออก

ADVERTISMENT

ซึ่งบัญญัติว่า “เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

นักคิด นักกฎหมาย อธิบายขยายความต่อมาว่า ตามประเพณีการปกครองของไทยก็ต้องถวายพระราชอำนาจคืนพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระะบรมราชวินิจฉัยสู่ทางแก้ไข

มาตรา 5 รัฐธรรมนูญ 2560 คัดลอกมาจากความ มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 บัญญัติว่า “ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

คำถามก็คือ การเมืองวันนี้จะเดินทางไปสู่จุดสิ้นสุดอย่างไร เมื่อไหร่ การเมืองถึงทางตันจริงหรือ

ไม่ว่าเราๆ ท่านๆ จะยืนอยู่ข้างแนวคิด ทางเลือกใด ระหว่าง ปรับ ครม. ลาออก ยุบสภา ยกเว้นพวกต้องการใช้ความรุนแรง สร้างเงื่อนไข กวักมือเรียกกองทัพให้เข้ามา

การน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นเครื่องเตือนสติ เตือนใจ ทุกคนในฐานะพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุด

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงตรัสถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 7 และนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ต่อคณะผู้พิพากษาที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549

“ฝ่ายที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา ปัจจุบันนี้มีปัญหาตามกฎหมายที่สำคัญ คือว่าถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ปฏิญาณไว้…แบบประชาธิปไตย คือเวลานี้มีการเลือกตั้งเพื่อให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ถ้าไม่มีสภาที่ครบถ้วน ก็ไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ฉะนั้น ก็ขอไปปรึกษากัน

เมื่อก่อนมีอย่างเดียวมีศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญา เดี๋ยวนี้มีศาลหลายอย่าง เมื่อมีก็ต้องไปดำเนินการก็ขอให้ไปปรึกษากับศาลอื่นๆ ด้วย จะทำให้บ้านเมืองปกครองแบบประชาธิปไตยได้ อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกฯพระราชทาน เพราะขอนายกฯพระราชทานไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย

ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก ที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทานนายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองประชาธิปไตย กลับไปอ่าน มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญเป็นการอ้างที่ผิด อ้างไม่ได้ มาตรา 7 มี 2 บรรทัดว่า อะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณีตามที่เคยทำมา ไม่มี เขาอยากจะได้นายกฯพระราชทาน เป็นต้น

จะขอนายกฯพระราชทานไม่ใช่เรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษ แบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล สำคัญอยู่ที่ท่านที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่แจ่มใส สามารถกลับไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือ ปกครองต้องมีสภา สภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ว่าไม่ได้ แต่อาจจะต้องหาวิธีที่ตั้งสภาที่ไม่ครบถ้วน แบบตำนานได้ แต่ก็มั่ว ขอโทษอีกทีนะ ใช้คำมั่วไม่ถูก ไม่ทราบใครจะทำมั่ว ปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ที่จะคิดแบบว่าทำปัดๆ ไปให้เสร็จ ถ้าทำไม่ได้ก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอีก เพราะพระมหากษัตริย์ไม่มีหน้าที่ที่จะไป ก็เลยต้องมาขอร้องฝ่ายศาลให้คิดและช่วยกันคิด

เดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา ศาลอื่นๆ ก็ยังมองว่าศาลฎีกามีความซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุมีผล มีความรู้ เพราะท่านได้เรียนรู้กฎหมายมา พิจารณาเรื่องกฎหมายที่จะต้องศึกษาดีๆ ประเทศจึงจะรอดพ้นได้ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักการปกครองที่ถูกต้อง ประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ เพราะว่าไม่มีสมาชิกสภาถึง 500 คน ทำงานไม่ได้ก็ต้องพิจารณาดูว่าจะทำยังไงจะพลิกตำนานได้ จะมาขอให้พระมหากษัตริย์ตัดสิน เขาอาจจะว่ารัฐธรรมนูญพระมหากษัตริย์เป็นคนพระปรมาภิไธยจริง ในหลวงลงพระปรมาภิไธย ก็เดือดร้อน

แต่ว่าในมาตรา 7 ไม่ได้บอกว่าพระมหากษัตริย์สั่งได้ ไม่มี ลองไปดูมาตรา 7 เขาเขียนว่าถ้าไม่มีการบัญญัติแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ไม่ได้บอกว่ามีพระมหากษัตริย์สั่งการได้ แล้วก็ขอยืนยันว่าไม่เคยสั่งการอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติต่างๆ ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง

อย่างที่เขาขอให้มีพระราชทาน นายกฯพระราชทาน ไม่เคยมี มีนายกฯ แต่รับสนองพระบรมราชโองการอย่างถูกต้องทุกครั้ง มีคนที่เขาอาจจะมาบอกว่าพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทำตามใจชอบ ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบตั้งแต่เป็นมา รัฐธรรมนูญเป็นมาหลายฉบับหลายสิบปี ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ถ้าทำตามใจชอบ ก็เข้าใจว่าบ้านเมืองล่มจมมานานแล้ว”

รับพระราชทานพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อม แล้ว ยังคิดรบกวนเบื้องพระยุคลบาทให้หนักพระทัยไม่หยุดหย่อนกันอีกหรือ