สงครามโลกครั้งที่ 3 ? : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดความตึงเครียดอย่างมากในวงการเมืองระหว่างประเทศ เริ่มจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้กองทัพเรืออเมริกาโดยเรือยูเอสเอส รอสส์ และยูเอสเอส พอร์เตอร์ ยิงขีปนาวุธร่อนนำวิถีพิสัยไกลโทมาฮอว์กถึง 59 ลูกโจมตีฐานทัพอากาศซีเรียช่วงเช้าตรู่ 7 เมษายน โดยอ้างว่ารัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย ได้ใช้อาวุธเคมีอันเป็นก๊าซพิษซารินเข้าโจมตีที่ย่านคาน ชิคฮูน ในเมืองอิ๊ดลิบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 คนในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 20 คน

นับเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียครั้งร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ พ.ศ.2556 ที่รัฐบาลซีเรียได้ใช้ก๊าซพิษซารินโจมตีเมืองโกตาห์ ใกล้กรุงดามัสกัส ที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปหลายร้อยคน ซึ่งก๊าซพิษซารินนี้เป็นสารเคมีต้องห้ามตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (CWC) ขององค์การสหประชาชาติและทางซีเรียได้อ้างว่าได้ทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดนี้แล้วเมื่อสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีโอบามาออกมาขู่ว่าจะตอบโต้การใช้ก๊าซพิษซารินนี้ด้วยกำลังทหาร

ทางประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียก็ตอบโต้ทันควันเหมือนกันด้วยการส่งเรือฟริเกต แอดมิรัล กริกอโรวิชพร้อมกับการติดตั้งระบบขีปนาวุธร่อนแบบคาลิบอร์ เดินทางออกจากฐานทัพเรือริมฝั่งทะเลดำ ผ่านทางช่องแคบบอสฟอรัสเพื่อเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อเผชิญหน้ากับเรือยูเอสเอส รอสส์ และยูเอสเอส พอร์เตอร์

เรือฟริเกต แอดมิรัล กริกอโรวิชนี้มีระวางขับน้ำประมาณ 4,000 ตัน เป็นหนึ่งในเรือฟริเกตที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซีย เคยเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีกองกำลังต่อต้านรัฐบาลซีเรียในเมืองอเลปโปเมื่อเดือนพฤศจิกายนมาแล้ว

Advertisement

ครับ ! ยังไม่ทันไร ในวันที่ 13 เมษายน ประธานาธิบดีทรัมป์ก็สั่งการให้กองทัพอเมริกันทิ้งระเบิดจีบียู-43/บี (GBU-43/B) ที่มีฉายาว่า “แม่แห่งระเบิด” ซึ่งมีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิดที.เอ็น.ที. 11 ตัน และตัวระเบิดมีความยาวกว่า 9 เมตร มีน้ำหนักถึง 9,800 กิโลกรัม ถล่มเป้าหมายที่เป็นแหล่งกบดานใต้ดินของกลุ่มติดอาวุธไอเอส ในเขตอาชิน จังหวัดนันการ์ฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน โดยกองทัพอเมริกันนำระเบิดชนิดนี้มาทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรก ซึ่งระเบิดจีบียู-43/บีถือเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สุด ที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้

ระเบิดจีบียู-43/บี เป็นระเบิดประเภท “เทอร์โมบาริคบอมบ์” อันเป็นระเบิดที่ออกแบบมาเพื่อการทำลายล้างข้าศึกในหลุมหลบภัยหรือในถ้ำโดยเฉพาะเพราะเป็นระเบิดที่บรรจุผงอะลูมิเนียมและต้องใช้ก๊าซออกซิเจนจากภายนอกจุดระเบิดเอง ดังนั้นเมื่อทิ้งระเบิดลงมาระบบจุดชนวนระเบิดจะทำงานที่ระดับ 1.8 เมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งระเบิดก็ทำหน้าที่ดูดก๊าซออกซิเจนบริเวณรอบๆ เพื่อจุดระเบิด ในขณะที่ผงอะลูมิเนียมก็จะกระจายออกเป็นฝุ่นที่ติดไฟที่สามารถสูดเข้าไปในระบบหายใจของมนุษย์ได้

ดังนั้นผู้ที่อยู่ในรัศมีระเบิดซึ่งมีรัศมี 150 เมตรในทุกทิศทาง หากไม่เสียชีวิตด้วยการสูดฝุ่นไฟของผงอะลูมิเนียมก็ต้องเสียชีวิตเพราะออกซิเจนที่อยู่ในปอดถูกดูดออกจนหมดทำให้ปอดฉีกได้

Advertisement

ปรากฏว่านายอิสมาอิล ชินวารี ผู้ว่าการเขตอาชินได้เปิดเผยว่า ทางการท้องถิ่นได้ตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดดังกล่าว พบว่ามีสมาชิกของกลุ่มที่เรียกตนเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 90 ราย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน กองบัญชาการแปซิฟิกของสหรัฐได้สั่งการให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินคาร์ลวินสันเดินทางมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือ โดยเป็นมาตรการที่ระบุอย่างชัดเจนว่าเกาหลีเหนือยังคงเป็นภัยคุกคามหมายเลขหนึ่งในภูมิภาคนี้ สืบเนื่องจากโครงการทดสอบการยิงขีปนาวุธและการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่คุกคามเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการส่งกองเรือรบมาลาดตระเวนใกล้คาบสมุทรเกาหลีจะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงบนคาบสมุทรเกาหลียิ่งขึ้น ภายหลังเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธติดต่อกันหลายครั้ง รัฐบาลเกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์ไปแล้ว 5 ครั้ง

สองครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือยังทดสอบขีปนาวุธอีกหลายครั้ง โดยฝ่าฝืนข้อมติห้ามการทดลองนิวเคลียร์และการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธ และเมื่อก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีจีนจะเยือนสหรัฐอเมริกาเพียง 1 วัน เกาหลีเหนือเพิ่งยิงขีปนาวุธพิสัยกลางลูกหนึ่งไปตกในทะเลญี่ปุ่น และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เกาหลีเหนือก็ยิงทดสอบขีปนาวุธรวดเดียว 4 ลูกตกในทะเลนอกชายฝั่งตะวันออก ขีปนาวุธ 3 ลูกนี้ร่อนมาตกในเขตเศรษฐกิจพิเศษทางทะเลของญี่ปุ่นอย่างยั่วยุ

ครั้งนั้นเกาหลีเหนือยังขู่ว่าเป็นการซ้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ด้วยว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 โดยมีคำกล่าวเตือนจากบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองของสหรัฐว่า ภายในไม่ถึง 2 ปี เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถติดขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 16 เมษายนนี้ เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธครั้งใหม่อีกแต่ล้มเหลวเนื่องจากขีปนาวุธระเบิดทันทีที่ถูกยิงออกไป ซึ่งการทดลองขีปนาวุธครั้งล่าสุดคาดว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดัน” หรือที่เรียกว่า “BM-25” ซึ่งมีรายงานว่าเกาหลีเหนือเพิ่งจะเคลื่อนย้ายขีปนาวุธชนิดนี้ออกมา 2 ลูก และนี่ถือเป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธมูซูดันครั้งแรก

คาดว่าเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธชนิดนี้อีกอย่างน้อย 50 ลูก มูซูดันมีพิสัยการยิงราว 3,000 กม. สามารถยิงไกลได้ถึงฐานทัพสหรัฐบนเกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ยังไปไม่ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ โดยทางการสหรัฐระบุว่าตรวจพบการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำเอาผู้คนที่วิตกจริตต่างหวาดเกรงว่าอาจจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้น ซึ่งดูเหมือนประธานาธิบดีทรัมป์แกกลับมาใช้นโยบาย Brinkmanship คือเกมจ้องตาขมึงกันในการเมืองระหว่างประเทศเพื่อดูว่าใครจะกะพริบตาก่อนกันที่เคยใช้กันในช่วงสงครามเย็น ด้วยการขู่ว่าจะทำสงครามหรือทำการปิดล้อมหรือโจมตีแบบตอดเล็กตอดน้อยแต่คงไม่จริงจังอะไรนัก เพราะเห็นแกถอยไปตั้งหลายเรื่องแล้วตั้งแต่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

ส่วนคิม จองอึน ก็เหมือนซัดดัม ฮุสเซน นั่นแหละครับ ถ้ารบกันจริงแกก็คงพร้อมที่จะยกธงขาวเพราะโดนจีนบีบ เนื่องจากจีนกลัวว่าชาวเกาหลีเหนือจะทะลักเข้ามาลี้ภัยในจีน และหากเกาหลีเหนือรบกับสหรัฐอเมริกาจริง ก็เป็นการทำให้กองทัพอเมริกันมาประชิดประตูบ้านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือโดยใช่เหตุ

ผู้เขียนวิเคราะห์ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 คงเกิดได้ยาก เพราะว่าระเบิดที่ใช้ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ที่ร้ายแรงที่สุดคือระเบิดจีบียู-43/บี (GBU-43/B) ที่มีฉายาว่า “แม่แห่งระเบิด” ซึ่งมีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิด ที.เอ็น.ที. 11 ตัน เมื่อเทียบกับระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกาทิ้งใส่ญี่ปุ่น ที่มีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิดที.เอ็น.ที. 20,000 ตันนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย

นอกจากนี้ระเบิดที่สหรัฐอเมริกาและรัสเซียมีใช้กันในปัจจุบันนั้นไม่ใช่ระเบิดปรมาณูแล้ว หากแต่เป็นระเบิดไฮโดรเจนซึ่งมีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิดที.เอ็น.ที.ตั้งแต่ 10 ล้านตันถึง 50 ล้านตันเข้าไปแล้ว

คิดดูนะครับ แค่ระเบิดปรมาณูที่มีอำนาจการทำลายเพียงสองหมื่นตันก็ทำลายเมืองได้ทั้งเมืองแล้ว แล้วระเบิดไฮโดรเจนที่มีอยู่กันเป็นพันลูกนั่นมันทำลายโลกนะครับ สงครามที่ไม่มีฝ่ายชนะแต่แพ้ด้วยกันทุกฝ่ายในอนาคตนั้นคือสงครามโลกครั้งที่ 3 ครับ ที่เห็นขู่กันฟ่อๆ นี่ก็แค่ “แม่ของระเบิด” เท่านั้นแหละครับ

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image