หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญหรือหมุดคณะราษฎร : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ- หมุดหน้าใส

หมุดทองเหลือง (ในรูป) ที่ฝังอยู่กับพื้นถนนบนลานพระราชวังดุสิตใกล้กับที่ตั้งของพระบรมรูปทรงม้าด้านสนามเสือป่า ประมาณว่าเป็นตำแหน่งที่พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎรยืนอ่านประกาศคณะราษฎรฉบับแรกที่กระทำการเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในหมุดทองเหลืองจารึกข้อความว่า “ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” จัดทำขึ้นโดยกระทรวงมหาดไทย มีพิธีฝังหมุดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2479 โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและหัวหน้าคณะราษฎรเป็นผู้ประกอบพิธีฝังหมุด ดังนั้น หมุดทองเหลืองนี้จึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ” แต่คนทั่วไปมักเรียกว่า “หมุดคณะราษฎร”

สถานที่ตั้งของหมุด

หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเคยถูกขุดขึ้นมาจากที่ฝังอยู่ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีคำสั่งให้ย้ายหมุดดังกล่าวไปใน พ.ศ.2503 เนื่องในการเปลี่ยนแปลงวันชาติจากวันที่ 24 มิถุนายน มาเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ
วันที่ 5 ธันวาคมแทน ดังคำประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีดังนี้

“ด้วยคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นว่า ตามที่ได้กำหนดให้มีการเฉลิมฉลองวันชาติไทยในวันที่ 24 มิถุนายนนั้น ได้ปรากฏในภายหลังว่ามีข้อที่ไม่เหมาะสมหลายประการ ในด้านประชาชนและหนังสือพิมพ์ก็ได้เสนอแนะให้พิจารณาในเรื่องนี้หลายครั้งหลายคราว คณะรัฐมนตรีจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณา โดยมีพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

คณะกรรมการนี้ได้พิจารณาแล้วเสนอความเห็นว่า ประเทศต่างๆ ได้เลือกถือวันใดวันหนึ่งที่มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับชนในชาติต่างๆ กัน โดยถือเอาวันประกาศเอกราช วันอิสรภาพ วันตั้งถิ่นฐาน วันสาธารณรัฐ วันสถาปนาพระราชวงศ์บ้าง ซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติโดยทั่วไปนั้นได้ถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติ เช่น ประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นต้น แม้ประเทศไทยเราเองก็ได้ถือเอาวันพระราชสมภพเป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยมาแล้ว เพิ่งจะมากำหนดเอาวันที่ 24 มิถุนายนเป็นวันชาติเพิ่มขึ้นอีกวันหนึ่งในระยะหลังนี้เอง

Advertisement

“คณะกรรมการฯจึงมีความเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นการสมัครสมานสามัคคีรวมจิตใจของบุคคลในชาติโดยทั่วกัน จึงสมควรจะถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยต่อไป โดยยกเลิกวันชาติในวันที่ 24 มิถุนายนเสีย

“คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบด้วย จึงได้ลงมติให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 เรื่องวันชาตินั้นเสีย และให้ถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยด้วยต่อไปตั้งแต่บัดนี้”

– ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ถือวันพระราชสมภพเป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทย ลงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2503

Advertisement

แต่นายประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้นำเอาหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญไปเก็บไว้ที่สภาผู้แทนราษฎร นัยว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการขุดถอนหมุดทองเหลืองนี้ขึ้นมา เนื่องจากหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญนั้นทำพิธีฝังกันในวันรัฐธรรมนูญคือวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นคนละวันกับวันชาติ และหมุดทองเหลืองหมุดนี้เป็นวัตถุทางประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับวันที่ระลึกถึงโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย ครั้นเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังที่จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2506 นายประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสมัยนั้นจึงจัดการนำหมุดทองเหลืองดั้งเดิมมาฝังเอาไว้ ณ สถานที่เดิม นับเป็นเวลากว่า 50 ปีมาแล้ว

วันที่ 14 เมษายน 2560 มีข่าวว่าหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญถูกเปลี่ยน โดยหมุดใหม่มีข้อความว่า “ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” ซึ่งหมุดใหม่นี้ถูกเรียกขานกันทั่วไปว่า “หมุดหน้าใส” คาดกันว่าหมุดดังกล่าวถูกเปลี่ยนระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน 2560 ช่วงดังกล่าวมีการปรับปรุงซ่อมแซมพระบรมรูปทรงม้า อีกทั้งยังได้มีการใช้ฉากตั้งปิดรอบบริเวณหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญดังกล่าว

หมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ- หมุดหน้าใส

เรื่องขุดถอนเปลี่ยนหมุดนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่โต เพราะเป็นการกระทำที่ลับๆ ล่อๆ ชวนกังขา อีกทั้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างพร้อมใจกันปฏิเสธเฉไฉในเรื่องการเปลี่ยนหมุดและหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญหายไป เจ้าหน้าที่บางคนถึงกับข่มขู่ผู้ที่ไปสอบถามประหนึ่งว่าผู้ที่ไปสอบถามเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

ความจริงตามหลักธรรมาภิบาลที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส กับเรื่องแค่การเปลี่ยนหมุดที่คนรู้ว่ามีอยู่และตั้งอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นเอง แต่รัฐบาลกลับทำอ้ำๆ อึ้งๆ เลยเรื่องบานปลาย ซึ่งอาจจะลุกลามไปกันใหญ่แบบกรณีน้ำผึ้งหยดเดียวก็เป็นไปได้

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image