สิทธิและโชคในการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง : ข้อเสนอใหม่แบบไทยๆ โดย ปรีชาญาณ วงศ์อรุณ

แฟ้มภาพ

ในความชื่นชมที่มีต่อการเลือกตั้งของเมียนมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความปรารถนาและความฝันว่า อยากเห็นคนไทยแห่แหนออกมาใช้สิทธิให้เกิน 80% เหมือนที่ชาวพม่าสร้างประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าประทับใจ

หากเราพิจารณาในเงื่อนไขเฉพาะ จะเห็นได้ว่า ปัจจัยเรื่องระยะเวลาน่าจะมีผลอย่างมากที่ทำให้คนพม่าออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่าร้อยละ 80 เพราะนี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ทำให้คนพม่าโหยหาเฝ้ารอเป็นที่สุด หากมีการเลือกตั้งบ่อยๆ เป็นประจำทุกๆ 2-4 ปี บางทีตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิอาจจะต่ำกว่าตัวเลขในครั้งนี้จนน่าวิตกก็เป็นได้

หากเราดูกรณีการลงประชามติของชาวสกอตแลนด์เมื่อเดือนกันยายนปี 2557 แล้วก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ถึง 84.6% ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวสก๊อตแห่แหนกันออกมาใช้สิทธิสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งและการลงประชามติของสหราชอาณาจักรก็เนื่องจากความสำคัญหรือความอ่อนไหวของประเด็นการลงประชามติที่ตัดสินอนาคตของสกอตแลนด์ว่าจะยังดำรงเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรต่อไปอีกหรือไม่

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิมากน้อยมากแค่ไหน จึงมีเรื่องของหลายๆ ปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

Advertisement

ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยเราไม่ได้ว่างเว้นห่างเหินการเลือกตั้งมาเนิ่นนานเหมือนเมียนมา หรือไม่ได้มีประเด็นที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศมากๆ จนไม่อาจนอนหลับทับสิทธิเหมือนกรณีสกอตแลนด์ได้ แล้วเราจะมีกลยุทธ์ วิธีการ หรือกุศโลบายใดบ้างที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางการเมืองที่จะได้เห็นคนไทยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

โดยทั่วไปแล้ว กฎเกณฑ์ต่างๆ สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าเรื่องทัศนคติ อันรวมถึงทัศนคติที่เห็นว่าการไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดประโยชน์อะไรมากนัก ทั้งต่อตัวเองและต่อประเทศโดยรวม

ที่ผ่านๆ มา ถึงแม้จะบัญญัติเป็นข้อกฎหมายเชิงบังคับให้การไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นหน้าที่ โดยกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ไม่ไปใช้สิทธิ เช่น การตัดสิทธิทางการเมือง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้คนหวาดกลัวและ (จำใจ) ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากอย่างที่หวังไว้

เพราะฉะนั้น แทนที่จะใช้ไม้แข็งกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ที่มีบทลงโทษซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เราควรจะเปลี่ยนแนวความคิดใหม่และหันมาพิจารณาไม้อ่อนสร้างแรงจูงใจใหม่ๆ เพื่อทำให้คนอยากออกไปใช้สิทธิมากขึ้น ทำให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องง่าย สนุก และมีความสุขด้วย นั่นคือ นอกจากการไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะเป็นสิทธิตามกฎหมายแล้ว ยังมีโชคให้รอลุ้นรางวัลอีกด้วย

ตามวิถีแบบไทยๆ นั้น คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบกับการจับสลากชิงโชคมากๆ ถึงแม้จะเป็นเพียงรางวัลเล็กๆ ก็ตาม ดังนั้น จึงอาจจะใช้แนวคิดนี้ประยุกต์เพื่อเป้าหมายหลักที่จะจูงใจให้คนมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด

ภายใต้แนวคิดนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้กำหนดและประกาศหลักเกณฑ์กติกาให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วไปว่า จังหวัดใดที่มีผู้มาใช้สิทธิเกินร้อยละ 70 ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งหมด จังหวัดนั้นจะอยู่ในเกณฑ์ที่จะมีการลุ้นรางวัลใหญ่น้อย

ทั้งนี้ รางวัลต่างๆ อาจจะได้มาจากส่วนกลางที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณหรือเป็นรางวัลที่จังหวัดนั้นๆ จัดหามาเอง ลักษณะเหมือนการจับสลากงานกาชาดประจำปี เป็นการเพิ่มสีสันและกระตุ้นให้คนออกมาใช้สิทธิกันมากๆ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด

อย่างน้อยที่สุด เพื่อทำให้แต่ละคนเชื่อว่าการไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ละครั้งคุ้มค่า เพราะนอกเหนือจากจะมีส่วนร่วมในการตัดสินอนาคตของประเทศผ่านบัตรเลือกตั้งแล้ว ยังทำให้มีสิทธิถูกรางวัลเล็กรางวัลใหญ่กันถ้วนหน้า ส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิก็ถือว่าหมดสิทธิอดลุ้นรางวัลรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ทีวี วิทยุ มือถือ สลากออมสิน ประกันอุบัติเหตุ ข้าวสาร สารพัดตามแต่จะจัดหามา

จังหวัดใดที่มีผู้มาใช้สิทธิต่ำกว่าร้อยละ 69.99 ถือว่าหมดสิทธิ จังหวัดนั้นจะไม่มีการจับรางวัลใดๆ ซึ่งอาจจะโอนรางวัลส่วนนี้ไปให้จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุดของประเทศ หรืออาจจะจัดหารางวัลใหญ่ที่สุดให้เฉพาะแก่คนในจังหวัดที่คนไปใช้สิทธิมากที่สุดในประเทศให้สมคุณค่า

การสร้างแรงจูงใจดังกล่าวนี้ เชื่อได้ว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์สองประการ

หนึ่ง มีเหตุให้เชื่อว่า คนไทยจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างแน่นอน เพราะคนไทยจะรับรู้เรื่องข่าวสารการลุ้นโชคได้เร็วมาก

สอง การสร้างแรงจูงใจดังกล่าวนี้จะทำให้เกิดกระแส “สโนว์บอล” คือคนคนหนึ่งจะชักชวนคนอื่นๆ ให้ไปใช้สิทธิให้มากที่สุด เพราะกลัวว่าจังหวัดของตัวเองจะมีคนมาใช้สิทธิไม่ถึงร้อยละ 70 แล้วจะตกขบวนอดได้ลุ้นรางวัล ในขณะเดียวกัน ในบางจังหวัดเราอาจจะเห็นกระแสหรือภาพที่ต่างคนต่างก็จะเชิญชวนคนอื่นๆ ให้ไปสิทธิกันถ้วนหน้า เพื่อทำให้จังหวัดของตัวเองเป็นที่หนึ่งได้ลุ้นรางวัลพิเศษมูลค่าสูงสุดก็เป็นได้

สาม การสร้างแรงจูงใจให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากๆ นั้นถือเป็นมาตรฐานสากล จะแตกต่างก็ตรงวิธีการเท่านั้น บางที การที่คนแห่แหนการไปใช้สิทธิกันมืดฟ้ามัวดินนั้นอาจจะทำให้ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ธนปราคา” (อ่านว่า ธะ-นะ-ปะ-รา-คา) นั่นคือความอยากได้รางวัลอย่างมากๆ จะมากลบลบบดบังผลที่เกิดจากอำนาจเงินและการซื้อเสียงก็เป็นได้

ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งควรจะได้มีการทำบัญชีประกาศผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งในทันที ซึ่งก็คือบัญชีผู้มีสิทธิที่จะได้รับการสุ่มมีโอกาสถูกรางวัลนั่นเอง อีกบัญชีหนึ่งคือบัญชีผู้ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง นอกจากจะบอกกล่าวถึงรายชื่อผู้หมดสิทธิลุ้นรางวัลแล้ว อีกนัยหนึ่งก็คือการประกาศให้สังคมได้รับรู้ถึงรายชื่อของผู้นอนหลับทับสิทธินั่นเอง เพื่อสร้างผลทางจิตวิทยาอีกทางหนึ่งให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

พูดอย่างเข้าใจง่ายที่สุด วิธีการนี้ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจ (incentive) ให้คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นสำคัญ ไม่ใช่การซื้อเสียงหรือให้สินบน (bribery) เพื่อให้มีการโหวตเลือกคนใดคนหนึ่ง แน่นอนที่สุดว่า วิธีการสร้างแรงจูงใจแบบนี้เป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้น ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ควรจะต้องหาหนทางอื่นๆ ในระยะยาวที่จะทำให้เกิดจิตสำนึกทางการเมืองอย่างแท้จริงที่จะต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นแบบไทยๆ หรือแบบใหม่ๆ หากเราสามารถสร้างเงื่อนไขทำให้ช่วงวันเลือกตั้งเป็นช่วงที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดได้เหมือนเช่นในสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในทุกๆ 4 ปี ก็เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาไม่ใช่หรือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image