ต้นปี หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ชายคนหนึ่งคุยกับเพื่อนถึงอนาคตของอเมริกา เพื่อนบอกเขาว่า เอาน่ะ – ขอเวลาให้ทรัมป์สักหน่อย ไม่นานหรอก สักร้อยวัน เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย จะตัดสินเขาล่วงหน้าไปทำไม – ชายคนนี้ตัดสินใจเอาล่ะ งั้นจะให้เวลาทรัมป์ก่อนก็แล้วกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ยินเคลลี่แอน คอนเวย์ โฆษกของทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เธอว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็น “ความจริงทางเลือก” (alternative fact) เหมือนเป็น “ความจริงอีกชุดหนึ่ง” ที่ใครมีสิทธิจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ได้
ความจริงทางเลือกงั้นเหรอ… – เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตัดสินใจว่าคงถึงจุดที่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ชายคนนี้ชื่อจิมมี่ เวลส์ เขาเป็นผู้สร้าง Wikipedia สารานุกรมที่ใครๆ ก็เขียนได้ (แถมยังถูกใช้สำหรับการทำการบ้านทั่วโลก) – อย่างที่คุณก็คงทราบ วิกิพีเดียนั้นไม่ได้เป็น “ความจริงแท้” ไปเสียทั้งหมด สิ่งที่อยู่บนวิกิพีเดียนั้นก็มีผิดอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็บอกว่าอ้างอิงข้อมูลมาจากตรงไหน และอย่างน้อย เราก็สามารถสืบสาวราวเรื่องได้ว่าความผิดนั้นมาจาก “การแก้ไข” ครั้งใด และที่สำคัญคือมันเปิดโอกาสให้มีคนมาแก้ข้อความที่ผิดนั้นได้เสมอๆ
มันเป็นระบบที่วางอยู่บนความเชื่อมั่นในมนุษยชาติ เชื่อมั่นว่าหากมีระบบที่ดีพอ และมีแรงงานจากมนุษย์จำนวนมากมายมหาศาล อย่างน้อย เราก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
หลังจากที่ได้ยิน เคลลี่แอน คอนเวย์ พูดเรื่องความจริงทางเลือก จิมมี่ เวลส์ ก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องสานต่อโปรเจ็กต์ที่เขาคิดไว้ให้สำเร็จให้จงได้ นั่นคือ การใช้วิธีคิดแบบวิกิ ผสมเข้ากับการทำข่าวโดยมืออาชีพ เวลาผ่านมาจนเดือนเมษายน เขาก็ประกาศโครงการที่บ่มเพาะมาเนิ่นนานนี้ต่อโลก มันชื่อว่า “WikiTRIBUNE” (วิกิทริบูน)
WikiTRIBUNE จะใช้วิธีหาเงินที่ต่างไปจากเว็บไซต์ข่าวจำนวนมากที่หาเงินผ่านทางการลงโฆษณา แต่จะใช้วิธีหาเงินคล้ายๆ กับวิกิพีเดีย นั่นคือ ด้วยการขอรับบริจาคแทน (โดยหวังว่าคนจะบริจาคให้ประมาณ $15 ต่อเดือน) เงินที่ได้รับบริจาคมานี้จะถูกนำไปจ้างทีมนักข่าวมืออาชีพประมาณ 10 คน จะทำหน้าที่ “คัดกรองและตรวจสอบ” ข้อมูลต่างๆ ที่สาธารณชนส่งเข้ามา นั่นคือ WikiTRIBUNE พยายามที่จะรวมข้อดีของระบบ “แรงงานจากสาธารณชน” (crowdsourcing) กับข้อดีของระบบ “การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ” เข้าไว้ด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ จิมมี่ เวลส์ เคยมีความพยายามทำนองนี้กับวงการข่าวมาแล้ว นั่นคือ โปรเจ็กต์ที่มีชื่อตรงไปตรงมาว่า WikiNews แต่ในครั้งนั้น ความพยายามของเขาก็ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จนัก เพราะ WikiNews ที่ใช้แรงงานสาธารณชนล้วนๆ ไม่มี “แรงจูงใจ” เพียงพอที่จะอัพเดตข่าวในแต่ละวันให้ทันสมัยหรือฉับไวได้นัก (ต่างจาก Wikipedia ที่ไม่จำเป็นต้องมี “เดดไลน์” ในการนำเสนอแต่ละเรื่อง) กับโปรเจ็กต์ WikiTRIBUNE เขาจึงคิดว่าสมดุลระหว่างนักข่าวมือสมัครเล่น (คนทั่วไป) กับนักข่าวมืออาชีพ จะมาอุดรูรั่วตรงนี้
หลังจากที่จิมมี่ เวลส์ ประกาศโปรเจ็กต์ WikiTRIBUNE กระแสตอบรับส่วนใหญ่จากวงการสื่อ ก็เป็นไปในทางไม่สู้ดีนัก โดยมีการวิจารณ์ถึงทั้ง “ลำดับการให้ความสำคัญ” ระหว่างนักข่าวที่ได้รับค่าตอบแทนกับแรงงานทั่วไป (ซึ่งฟรี) ว่าดูเป็นชนชั้นที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นก็ยังมีผู้วิจารณ์ว่าการใช้นักข่าวมืออาชีพเพียง 10 คน (หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย) มาเฝ้า “ความจริง” หรือ “ข้อเท็จจริง” นั้นอาจเป็นไปไม่ได้ คล้ายกับคนพยายามสร้างเขื่อนเล็กๆ ในขณะที่น้ำก็ไหลหลากเข้ามาอย่างท่วมท้น นักข่าวจากสำนักข่าวอัลจาซีราจึงคาดเดาว่า “พวกเขาอาจจะไม่มีเวลาตรวจสอบสิ่งที่คนเสนอเข้ามาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ก็เป็นไปได้” และบอกว่า “อาจจะทำให้ความผิดพลาดแบบวิกิพีเดีย (ที่มีข้อมูลผิดอยู่ในนั้น และหลายครั้งถูกนำไปอ้างต่อ) เกิดขึ้นอีกครั้ง”
The Guardian บอกว่าโมเดลการทำข่าวแบบที่จิมมี่ เวลส์ พยายามนำเสนอนี้มีผู้ทำมานานแล้ว (อันที่จริงมันก็คล้ายๆ กับการที่นักข่าวสอบถามข้อมูล หรือให้ผู้อยู่ในพื้นที่ส่งข้อมูลเข้ามาผ่านช่องทางการติดต่อต่างๆ แล้วนักข่าวก็ “กรอง” ข้อมูลเหล่านั้นก่อนที่จะนำเสนอในวงกว้างอีกที) เช่น กรณีของเดวิด ฟาเรนท์โฮลด์ นักข่าวที่ได้รับรางวัลพูลิตเชอร์จากการทำข่าวสืบสวนการใช้เงินอย่างมิชอบของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขาใช้ทวิตเตอร์ของตนเป็นแหล่งข้อมูล โดยให้คนที่มีเบาะแสส่งเข้ามาเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
อันที่จริงแล้ว ผมไม่ค่อยแปลกใจกับปฏิกิริยาของวงการสื่อต่อความพยายามของจิมมี่ เวลส์นัก เพราะการที่เวลส์บอกว่า “วงการข่าวในปัจจุบันมันย่ำแย่ (News is broken.)” มันก็เป็นคล้ายกับการด่าและอาจไม่เห็นค่าของนักข่าวที่ทำงานดีๆ อยู่ และเป็นการมองเฉพาะบางส่วนของวงการเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาต้องออกมาปกป้องตัวเอง
Wikipedia ถูกมองว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์” ของวงการอินเตอร์เน็ต – อย่างที่บอกไปแล้วนะครับว่าถึงแม้มันจะมีข้อผิดพลาดและข้อเสียอยู่บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันก็ดีมากพอ – ใครจะไปเชื่อว่าเมื่อเราปล่อยให้คนจำนวนมาก “ออกแรง” แล้วเราจะได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้
เราก็อาจจะต้องรอดูกันแล้วล่ะครับว่า จิมมี่ เวลส์ จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งได้หรือเปล่ากับ WikiTRIBUNE
ทีปกร วุฒิพิทยามงคล