สังคมโลกมีปัญหาวิสาขบูชามีคำตอบ? : โดย รศ.ดร.กิตติทัศน์ ผกาทอง

ภาพจาก www.dmc.tv

สังคมโลกปัจจุบันนอกจากอากาศร้อนอบอ้าวแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า อารมณ์เร่าร้อน อีกด้วย อากาศร้อนบวกด้วยอารมณ์ร้อน จึงทำให้โลกร้อนระบาดไปทั่วทุกมุมของสังคมโลก โลกโดยธรรมชาติจะมีอุณหภูมิหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล จึงมีลักษณะสมดุล แต่เมื่อมนุษย์เรียนรู้ธรรมชาติ เพื่อเอาชนะธรรมชาติด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ ธรรมชาติที่เคยมีความสมดุลและสะอาดบริสุทธิ์ จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสู่สิ่งที่เรียกว่า “มลพิษและสิ่งปฏิกูลนานาชนิด” กระทั่งขาดความสมดุลและเกิดปรากฏการณ์โลกร้อนอย่างรุนแรง เมื่อธรรมชาติถูกทำลายและรบกวนโดยฝีมือของมนุษย์ สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศก็พลอยถูกทำลายไปด้วย

สภาพภูมิอากาศแปรปรวน อันเป็นผลสืบเนื่องจากสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศถูกทำลาย ทำให้สังคมมนุษย์มีพฤติกรรมในการดำรงชีวิตผิดปกติในหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่มีจิตใจที่อ่อนไหว หยาบคาย เชื่อง่าย ไร้เหตุผล จนกระทั่งกล้ากระทำในสิ่งที่มนุษย์ปกติไม่กล้ากระทำ

รูปธรรมที่ชัดเจน คือ กรณีเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการเกิดอุบัติเหตุมากมาย มีการตายหรือเสียชีวิตจำนวนมากเช่นเคย แม้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันหามาตรการป้องการอย่างไรก็ไร้ผล และสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุก็เหมือนเดิมคือ “เมาแล้วขับและขับรถเร็ว” ทั้งเมาแล้วขับและขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

รวมเรียกว่า “ประมาท” ได้แก่ การขาดสติและสัมปชัญญะ บุคคลที่มีพฤติกรรมขาดสติและสัมปชัญญะ คือบุคคลที่ตายทั้งเป็น และบุคคลที่ตายทั้งเป็นนั้นหมายถึง การดำรงชีวิตที่ไม่รู้และไม่เข้าใจตนเองและผู้อื่นในการอยู่ร่วมกัน

Advertisement

สังคมไทยกับวิสาขบูชาโลก : วิสาขบูชาได้ยกระดับจากวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสู่วันสำคัญของโลกหรือ วันสันติภาพโลก (World Peace) ด้วยเหตุนี้ ชาวพุทธทั่วโลกจึงเกิดการตื่นตัวและรณรงค์จัดกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขบูชากันอย่างยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสันติภาพโลกเป็นต้นมา และการที่สหประชาชาติมีมติรับวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญระดับโลกหรือวันสันติภาพโลกนั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าตลอดระยะเวลา 45 ปี ที่ทรงประกาศพระศาสนานั้น ล้วนแต่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้สังคมโลกเกิดสันติภาพทั้งสิ้น

โดยเฉพาะคำสอนขั้นพื้นฐานคือศีล 5 หากโลกมีศีล 5 เป็นเครื่องประดับพฤติกรรม อาวุธต่างๆ โดยเฉพาะขีปนาวุธ ก็ไม่มีความจำเป็น รวมทั้งเรือดำน้ำก็ไม่มีความจำเป็นเช่นกัน เพราะการมีอาวุธชนิดต่างๆ ล้วนแต่มีไว้เพื่อต่อสู้และเข่นฆ่ากันทั้งสิ้น แต่เมื่อสังคมโลกมีธรรมาวุธคือศีล 5 โลกก็จะสุขสงบและร่มเย็น

สาระสำคัญของวันวิสาขบูชา : วันวิสาขบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “วิสาขปุรณมีบูชา” เป็นวันตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า การประสูติกับการตรัสรู้ มีระยะเวลาห่างกันถึง 35 ปี และการตรัสรู้กับการปรินิพพาน มีระยะเวลาห่างกันถึง 45 ปี แต่กาลเวลาทั้ง 3 ช่วง คือ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เหมือนกัน ซึ่งคนโดยทั่วไปไม่อาจจะมีวันในลักษณะดังกล่าวนี้ได้

นอกจากนี้ ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ยังอ้างพระดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงกับพระสาวกว่า พระโพธิสัตว์เมื่อประสูติจากครรภ์พระมารดาสามารถดำเนินได้เพียงลำพังถึง 7 ก้าว ยิ่งบ่งบอกถึงความเป็นอัจฉริยะ อย่างชัดเจน

พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร? คำว่า ตรัสรู้ แปลว่า รู้แจ้ง ใช้เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนพระสาวกอื่นๆ ใช้คำว่า บรรลุ (insight) คือ รู้ตามที่คนอื่นแนะนำหรือสั่งสอน ส่วนพระพุทธเจ้าทรงรู้และเห็นแจ่มแจ้งด้วยพระองค์เอง จีงเรียกว่า ตรัสรู้ (Enlightenment) คำถามก็คือว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ซึ่งโดยทั่วไป เรามักจะตอบว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 (The Four Noble Truth) แปลว่าความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ คือ

1.ทุกข์ สภาพที่คงทนในสถานะเดิมได้ยาก เพราะถูกบีบคั้นหรือขัดแย้ง ตลอดเวลา

2.ทุกขสมุทัย สาเหตุแห่งความทุกข์ ได้แก่ตัณหา 3 คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา

3.ทุกขนิโรธ ความดับทุกข์ โดยการดับไฟแห่งตัณหา หรือภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไป คือนิพพาน

4.ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ปฏิปทาที่นำไปสู่ความดับแห่งทุกข์ ได้แก่ อริยอัฏฐังคิกมรรค หรือมัชฌิมาปฏิปทา

อริยสัจ 4 โดยทั่วไปนิยมเรียกสั้นๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งมีข้อปฏิบัติในอริยสัจ 4 คือ 1) ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ 2) สมุทัย ต้องกำจัดหรือละ 3) นิโรธ ต้องทำให้แจ้งหรือเข้าถึง และ 4) มรรค ต้องพัฒนาหรือเจริญ เรียกว่า ปริญญา ปหานะ สัจฉิริยา และภาวนา

อย่างไรก็ดี การแสดงอริยสัจ 4 ซึ่งเป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น หากจะพูดให้เข้าใจง่ายตามภาษาสมัยใหม่ สามารถอรรถาธิบายได้ดังนี้

1.ทุกข์ หมายถึงตัวปัญหา หรือลักษณะของปัญหา ต้องกำหนดขอบเขตหรือประเด็นให้ชัดเจน เรียกว่าทำความเข้าใจปัญหาให้ถ่องแท้เป็นเบื้องต้น

2.สมุทัย หมายถึง การวิเคราะห์ปัญหา หาสมมุติฐาน เพื่อทำการวินิจฉัย เหมือนแพทย์พบโรค แล้วค้นหาสาเหตุ เพื่อเยียวยารักษา

3.นิโรธ หมายถึงการลงมือปฏิบัติ เพื่อยุติปัญหา เหมือนแพทย์ค้นพบสาเหตุของโรคแล้ว ดำเนินการรักษาโรคให้หายขาด

4.มรรค หมายถึง เครื่องมือในการดำเนินการ ตามขั้นตอน หรือกระบวนการในการแก้ปัญหาตามหลักวิชาการ

พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัท คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ตลอดระยะเวลา 45 ปี ด้วยหลักธรรมต่างกรรมต่างวาระ ขึ้นอยู่กับบุคคลและสิ่งแวดล้อม เป็นสำคัญ โดยตรัสว่า “หลักธรรมที่ทรงรู้และเห็นด้วยพระองค์เองหรือตรัสรู้นั้นมากมายดุจใบไม้ในป่า แต่หลักธรรมที่ทรงนำมาแสดงหรือประกาศนั้นเหมือนใบไม้ในกำมือ” ซึ่งแสดงว่าแม้หลักพุทธธรรมที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎกจะมีมากถึง 84,000 หัวข้อ แต่หลักธรรมที่สำคัญ คือ อริยสัจ 4 หรือมรรคมีองค์ 8 อันสรุปรวมอยู่ในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา หากกล่าวให้รวบรัดก็คือ อัปปมาทธรรม คือความไม่ประมาท เพียงข้อเดียว เท่านั้น เหมือนรอยเท้าสัตว์ทั้งหลายสรุปรวมในรอยเท้าช้าง ฉะนั้น

หากสังคมโลก โน้มนำหลักธรรมข้อที่ว่าด้วยความไม่ประมาท ได้แก่การมีสติและสัมปชัญญะในการดำรงชีพนอกจากจะก่อให้เกิดสันติสุขแก่ตนเองและผู้อื่นแล้ว โลกทั้งโลกก็จะบังเกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน เพราะความไม่ประมาทเป็นธรรมาวุธ ที่คอยประหัตประหาร ความโลภ ความโกรธ และความหลงให้หมดสิ้นจากจิตใจ เมื่อความโลภ ความโกรธ และความหลงถูกสังหารจนหมดสิ้น ขีปนาวุธทั้งพิสัยกลางและพิสัยไกลก็ไร้ประโยชน์ วันวิสาขบูชาโลกก็จะอำนวยประโยชน์สุขแก่ชาวโลกอย่างแท้จริง

ขออำนาจพุทธบารมีจงคุ้มครองโลกให้บังเกิดสันติภาพ สมดังเจตนาของสหประชาชาติที่ให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกตลอดไป ดังคำกล่าวที่ว่า “โลกร่มเย็นดับเข็ญด้วยศาสนา ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ”

รศ.ดร.กิตติทัศน์ ผกาทอง
คณะสังคมศาสตร์ มจร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image