ฟ้องพระรามต่อศาลยุติธรรม โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ได้อ่านข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรวมทั้งรายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซีด้วยในเรื่องที่นายจันทัน กุมาร ซิงห์ ทนายความชาวอินเดีย จากรัฐพิหารได้ฟ้องพระราม เทพองค์สำคัญในศาสนาฮินดู เนื่องจากปฏิบัติต่อนางสีดา ผู้เป็นมเหสีอย่างไม่เป็นธรรมโดยอ้างว่าพระรามได้ขับไล่นางสีดาขณะที่ตั้งครรภ์ออกจากเมืองอโยธยาเพียงเพราะได้ยินคำนินทาว่าร้ายของชาวเมืองว่านางสีดามีราคีคาวแบบว่าคงเสียตัวให้กับราวณะ(ทศกัณฐ์) ผู้ที่เคยลักพาตัวไปไว้ที่กรุงลงกาแม้ว่านางสีดาลุยไฟพิสูจน์ความบริสุทธิ์หลังจากที่พระรามไปช่วยนางสีดาด้วยการสังหารทศกัณฐ์แล้วก็ตาม นัยว่าพระรามปราศจากหลักนิติธรรมฟังความข้างเดียวและไม่ยอมรับสตรีว่าเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับบุรุษอันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยนายจันทัน กุมาร ซิงห์ต้องการที่จะให้ศาลพิจารณาคดีนี้ว่าพระรามมีความผิดในการขับไล่นางสีดาออกจากเมืองโดยไม่มีโทษผิดแต่ประการใดเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ชาวอินเดียว่าในประวัติศาสตร์นั้นก็มีการปฏิบัติต่อสตรีอย่างไม่เป็นธรรมมาแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตามศาลแห่งรัฐพิหารไม่รับฟ้องคดีนี้โดยแถลงว่าเป็นคดีที่ไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ มิหนำซ้ำนายจันทัน กุมาร ซิงห์กลับถูกนายรันจัน กุมาร ซิงห์ผู้เป็นทนายความเหมือนกันฟ้องต่อศาลว่าการที่นายจันทัน กุมาร ซิงห์ ยื่นฟ้องพระรามครั้งนี้เป็นการลบหลู่ศาสนาฮินดูควรจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก ซึ่งรายงานข่าวไม่แจ้งว่าศาลแห่งรัฐพิหารจะรับฟ้องหรือไม่

ผู้เขียนอ่านข่าวนี้แล้วก็ได้แต่ขำๆ แต่อยากจะคุยกับท่านผู้อ่านที่เคารพอย่างจริงจังว่าวรรณคดีไทยเรื่อง “รามเกียรติ์” ของเรานั้นแม้ว่าจะมีต้นตอมาจาก “มหากาพย์รามายณะของวาลมีกิ” ที่ชาวอินเดียนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณจนถึงปัจจุบันนี้นั้น แต่รามเกียรติ์ถูกดัดแปลงแต่งเติมให้เป็นไปแบบไทยๆ เราเยอะเลยครับ แบบว่าแทบจะจำเรื่องเดิมมาได้เอาเลยทีเดียว

เนื่องจากผู้เขียนได้ซื้อหนังสือเรื่องมหากาพย์รามายณะของวาลมีกิดั้งเดิมที่มหาวิทยาลัยศิลปากรได้จัดการแปลและทำขึ้น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่ออ่านจบแล้วก็ออกจะเห็นด้วยกับนายจันทัน กุมาร ซิงห์ ว่าพระรามนี่เป็นผู้ชายที่ไม่ไหวเลยเพราะเป็นคนกดขี่ เอาเปรียบผู้หญิงเอามากๆ เพราะว่าเมื่อตนเองถูกเนรเทศออกจากเมืองอโยธยาแล้ว นางสีดาอุตส่าห์ขอติดตามมาปรนนิบัติรับใช้ ครั้นนางสีดาถูกลักพาตัวไป พระรามก็ต้องไปขอให้พวกลิงตามไปรบกับราวณะ (ทศกัณฐ์) ถึงเกาะลงกาจนได้รับชัยชนะ

ครั้นได้นางสีดาคืนมากลับด่าว่านางสีดาเสียๆ หายๆ ทำนองว่าที่มารบกับราวณะ (ทศกัณฐ์) นั้นเพื่อกอบกู้เกียรติยศของวงศ์ตระกูลไม่ใช่จะมาพานางสีดากลับคืนไปหรอก จนกระทั่งนางสีดาต้องขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองด้วยการลุยไฟต่อหน้ากองทัพลิงและพระราม พระรามจึงยอมรับนางสีดากลับไปกรุงอโยธยาในฐานะมเหสี

ครับ ! พอกลับไปอยู่เมืองอโยธยาดีๆ แล้ว พระรามก็เกิดอยากฟังว่าบรรดาชาวเมืองอโยธยาคิดยังไงกับพระรามแล้วก็ทราบว่าชาวบ้านก็เป็นประเภทปากหอยปากปูพากันตั้งกองนินทาว่านางสีดาไม่มีทางที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของราวณะได้เพราะไปอยู่เมืองลงกาตั้ง 14 ปี พระรามก็เลยพาลขับไล่นางสีดาออกจากเมืองไปจนนางสีดาต้องไปคลอดบุตรแฝดอยู่ในป่า ชื่อว่า กุศะ และ ลวะ ซึ่งต่อมาโตขึ้นก็ได้ไปขับลำนำเรื่องรามายณะให้พระรามและข้าราชบริพารได้ฟังจึงทราบว่าเป็นลูกของพระรามที่เกิดจากนางสีดา

พระรามจึงให้ตามตัวนางสีดามาแสดงความบริสุทธิ์อีกซึ่งดูออกจะบ้าๆ ยังไงพิกล นางสีดาคงจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไปจึงอธิษฐานว่าหากนางสีดาบริสุทธิ์จริงก็ขอให้พระแม่ธรณีซึ่งเป็นมารดาของนางเอง (ในรามเกียรติ์ของไทยกลับว่านางสีดาเป็นลูกสาวของทศกัณฐ์กับนางมณโฑเสียอีก) ซึ่งพระแม่ธรณีก็ขึ้นมารับนางสีดาไปจริงๆ ต่อหน้าต่อตาพระรามนั่นแหละ

ต่อจากนั้นพระรามจึงต้องหล่อรูปนางสีดาเอาไว้นั่งเคียงข้างและเพื่อทำพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งพระรามตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายด้วยการเดินลงไปในแม่น้ำสรยู ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองอโยธยาจมหายไปนัยว่าจะได้ไปเกิดเป็นพระวิษณุใหม่จะได้พบกับนางสีดาหรือนางลักษมีอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

ว่าไปแล้วผู้หญิงถูกกดขี่และเอาเปรียบจากผู้ชายมาตั้งแต่โบราณเลยนะครับ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่