ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
ประชาธิปไตยของรัฐบาล คสช. อยู่ในกำกับอย่างเคร่งครัดจากวัฒนธรรมไทย และ/หรือความเป็นไทย ซึ่งเป็นสิ่งสร้างใหม่ของคนชั้นนำ ราว 150 ปีมานี้ เพื่อค้ำจุนหนุนโครงสร้างอำนาจของตนและบริวาร
วัฒนธรรมไทย, ความเป็นไทย จึงมีไว้หล่อหลอมกล่อมเกลา และควบคุมคนทั่วไปให้ยอมจำนนต่อความเหลื่อมล้ำ หรือความไม่เท่าเทียมตามโครงสร้างอำนาจที่เป็นอยู่ ได้แก่ ที่ต่ำ ที่สูง, ผู้ใหญ่ ผู้น้อย ฯลฯ ประชาธิปไตยของรัฐบาล คสช. ก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ มีพยาน ดังนี้
ประชาธิปไตย ของ คสช.
3 ปีที่อยู่ในอำนาจ รัฐบาล คสช. นำประเทศกลับสู่ยุครวมศูนย์อำนาจ ทำลายหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ตัดสิทธิการถอดถอนนักการเมือง และแช่แข็งองค์กรปกครองท้องถิ่น ใช้ระบบแต่งตั้งแทน
ในยุค คสช. มีการใช้กฎหมายและอำนาจ คุมเข้มทั้งสื่อเก่าและสื่อออนไลน์จนต้องเซ็นเซอร์ตนเอง สถาปนาอำนาจทหารในกระบวนการยุติธรรม กินรวบองค์กรอิสระด้วยการแทรกแซง ในการเลือกองค์กรอิสระวางเครือข่ายของตนเข้าไปอยู่ในองค์กรอิสระ ทำให้ตรวจสอบแต่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ตรวจสอบ คสช.
ประชาธิปไตยในความหมายของ คสช. จะต้องกระชับพื้นที่ มีเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยแจกให้คณะรัฐมนตรี ตอนหนึ่งความว่า “พื้นที่ประชาธิปไตย” ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมีสิทธิ 3 ประการ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการบานปลายสู่จลาจล ได้แก่ สิทธิชุมชน สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของมวลชนและสื่อมวลชน และเสรีภาพในการชุมนุม “ต้องกระชับพื้นที่”
ธรรมาภิบาลที่แท้จริงอย่างน้อยต้องมีหลักความโปร่งใส หลักนิติธรรมและการมีส่วนร่วมของประชาชน แค่นิติธรรมอย่างเดียวก็เป็นไปได้ยาก หากไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดหลักกฎหมายเป็นใหญ่ แต่ให้คนเป็นใหญ่
[สรุปย่อจากบทนำเรื่อง “ระวังเป็นคนป่วยเอเชีย” ใน ไทยรัฐ ฉบับวันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 หน้า 3]