ใคร-ทำไม แยกประเทศออกเป็น เกาหลีเหนือ-ใต้ (จบ) โดย : พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เปิดเผยข้อมูลทหารไทยที่บุกไปถึงกรุงเปียงยางต่อจากตอนที่แล้ว…25 มิถุนายน 2493 ทหารเกาหลีเหนือราว 5 หมื่นคน พร้อมรถถัง ปืนใหญ่เต็มอัตราศึก บุกข้ามเส้นขนานที่ 38 ยิงทำลาย สังหารทหารและประชาชน แล้วเข้ายึดกรุงโซลของเกาหลีใต้ ดุดัน โหดเหี้ยม เพราะต้องการยึดดินแดนเกาหลีใต้แล้วรวมชาติ

สงครามเกาหลีที่พี่น้องต้องฆ่ากัน สหภาพโซเวียตโดยสตาลินเป็นผู้ส่งมอบอาวุธให้ และจีนคอมมิวนิสต์โดยเหมาเจ๋อตุงเตรียมกำลังทหารนับแสนเตรียมสนับสนุนเกาหลีเหนือ ที่มีนายคิม อิลซุง เป็นผู้นำ ฝั่งนี้เป็นคอมมิวนิสต์

สหรัฐ และกองทัพสหประชาชาติจาก 16 ประเทศ รวมทั้งทหารไทยส่งกำลังไปช่วยเกาหลีใต้ที่มีประธานาธิบดีชื่อ ซิงมัน รี (Syngman Rhee) ฝั่งนี้เป็นประชาธิปไตย

รบกันมานานราว 1 ปีเศษ ผลัดกันแย่งยึดกรุงโซลไป-มา เมืองหลวงของเกาหลีใต้แหลกเป็นจุณราบเป็นหน้ากลอง ทหารและประชาชนล้มตายในสงครามแสนโหดนับแสนคน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ

Advertisement

15 กันยายน 2493 นายพลแมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังทหารสหประชาชาติ 75,000 นาย สั่งยกพลขึ้นบกที่อินชอน (Inchon) คุมทหารนับแสนนาย เข้าตียึดกรุงโซลกลับมาได้ใน 2 สัปดาห์

8 ตุลาคม 2493 สหประชาชาติมีมติอนุมัติให้กองกำลังของแมคอาเธอร์บุกข้ามเส้นขนานที่ 38 ขึ้นไปได้ เพื่อไล่ติดตามบดขยี้ทหารเกาหลีเหนือที่เป็นฝ่ายก่อสงครามก่อน

9 ตุลาคม ทหารนับหมื่นของฝ่ายสหประชาชาติที่มีขวัญและกำลังใจดี บุกข้ามเส้นขนาน 38 เข้าไปในเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกท่ามกลางอากาศหนาวจัด กำลังส่วนหนึ่งเข้ายึดเมืองเกซอง (Kaesong) และกำลังส่วนใหญ่มุ่งหน้าจะไปยึดกรุงเปียงยาง (ดูแผนที่)

Advertisement

ชาวอเมริกันที่ติดตามข่าวลูกหลานทหารกล้า แซ่ซ้องสรรเสริญที่กองทัพสหประชาชาติรบชนะ บุกเข้าไปในเกาหลีเหนือ หลังจากโดนรุกไล่มาตลอด ในเจตนารมณ์ของนายพลแมคอาเธอร์ ในการบุกเกาหลีเหนือ คือการไล่ติดตาม และทำลายกำลังทหารเกาหลีเหนือให้สิ้นซากและรวมเกาหลีเป็นประเทศเดียว

ประเทศพันธมิตรของสหรัฐในยุโรปที่เพิ่งเสร็จจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แสดงความกังวลว่า นายพลแมคอาเธอร์จะบุกเกาหลีเหนือไปไกลแค่ไหน เพราะเกรงว่าโซเวียตและจีนจะกระโจนเข้าสู่สงคราม จะทำให้กลายเป็นสงครามโลกและเป็นสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาอีก

ประธานาธิบดีทรูแมนไม่สบายใจที่สงครามอาจจะขยายตัว จึงนัดนายพลแมคอาเธอร์ให้บินไปประชุมทำความเข้าใจเจตนารมณ์ที่เกาะเวค (Wake Island) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งการประชุมครั้งนั้น แมคอาเธอร์ยืนยันหนักแน่นว่า ทหารสหประชาชาติมีกำลังรบที่เหนือกว่ามากและกำลังประสบชัยชนะในการรบ ถ้าจีนและโซเวียตเข้ามาร่วมทำศึก ก็มีกำลังทหารพอเพียงโดยเฉพาะกำลังทางอากาศของสหรัฐที่เหนือชั้น

ทรูแมนในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐ ไม่สบายใจ และกล่าวเตือนนายพลแมคอาเธอร์ ให้ทำ “สงครามจำกัดเขตพื้นที่” หรือที่เรียกในวิชาทหารว่า Limited War

สหรัฐไม่ต้องการไปท้าทายจีนให้เข้ามาเป็นคู่สงครามกับสหรัฐ และขณะนั้นกองทัพโซเวียตก็สามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้วเช่นกัน

นายพลแมคอาเธอร์บินกลับไปสมรภูมิเกาหลี หลังจากนั้นเพียง 5 วัน กองทัพสหประชาชาติบุกเข้ายึดกรุงเปียงยางได้ และยังรุกขึ้นเหนือต่อไปอีก ทหารของแมคอาเธอร์วางกำลังโอบล้อมทหารเกาหลีเหนือไว้ห่างจากแนวแม่น้ำยาลู (Yalu) ประมาณ 30 ไมล์ กำลังทหารไทยเป็นหน่วยหนึ่งในการบุกครั้งนั้นได้รับมอบภารกิจให้ระวังป้องกันพื้นที่สำคัญในกรุงเปียงยาง

สหประชาชาติกำหนดไว้ให้ทหารของสหประชาชาติรุกขึ้นเหนือมาได้ไกลสุด คือต้องห่างจากแนวแม่น้ำยาลูราว 30 ไมล์ เพื่อมิให้เข้าไปใกล้พรมแดนจีน แต่แมคอาเธอร์ไม่สนใจแนวเขตดังกล่าวในแผนที่เพราะการรบติดพันและกำลังไล่ติดตาม ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดคำสั่งประธานาธิบดีของทรูแมน แต่วอชิงตันก็เพียงแค่ตักเตือน ยิ่งไปกว่านั้น แมคอาเธอร์ต้องการตัดเส้นทางหนีของเกาหลีเหนือจึงสั่งทหารไปโดดร่มลงหลังแนวข้าศึก และสั่งทิ้งระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำยาลู

วอชิงตันควันออกหู สั่งเด็ดขาดห้ามทิ้งระเบิดโรงไฟฟ้า ทหารบางส่วนบุกคืบหน้าไปเร็วมากจนถึงแม่น้ำยาลู จึงโดนทหารจีนล้อมไว้ แต่ทหารเหล่านี้ตีฝ่าออกมาได้ สงครามขยายตัวออกไปโดยจีนเข้าสู่สงครามกับสหรัฐแล้ว แมคอาเธอร์ยังสั่งทหารรุกไปข้างหน้า และขออนุมัติวอชิงตันให้ส่งกำลังทหารมาเพิ่ม เพื่อชัยชนะเด็ดขาดปิดฉากสงครามและรวมประเทศเกาหลี

ปลายเดือนพฤศจิกายนที่หนาวจัด นายพลหลินเปียว ผบ.กองทัพจีน สั่งทหารจีนราว 2 แสนนาย เข้าตีกองทัพที่ 8 ของสหรัฐบริเวณอ่างเก็บน้ำซองจิน แมคอาเธอร์ต้องสั่งให้กองทัพร่นถอย เพราะจำนวนทหารของจีนเหนือกว่ามาก ทหารสหประชาชาติถอยร่นภายใต้การไล่ติดตามของทหารจีน

5 ธันวาคม ทหารจีนและเกาหลีเหนือกลับเข้ายึดกรุงเปียงยางกลับคืนไปได้อีกครั้ง ทหารไทยร่นถอยมาด้วย แมคอาเธอร์สั่งถอยทัพลงมาที่เส้นขนานที่ 38 ซึ่งทรูแมนเห็นด้วย แต่ไม่อนุมัติให้ส่งทหารไปเพิ่ม และเตือนว่าจะปลดแมคอาเธอร์หากเขาละเมิดคำสั่งอีก

กองทัพจีนไม่ปล่อยให้นาทีทองหลุดมือ ยังกดดันเข้าตีทหารสหประชาชาติต่อเนื่อง คำสั่งนโยบายจากวอชิงตันที่ตามมาต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าสหรัฐกำลังแสวงหาโอกาสที่จะให้มีการหยุดยิง

ข่าวร้ายที่ซ้ำเติมลงมาคือ นายพลวอล์คเกอร์ประสบอุบัติเหตุรถจี๊ปคว่ำบนถนนที่เป็นน้ำแข็ง และเสียชีวิต นายพลริดจ์เวย์ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน กองทัพของจีนยังเข้าตีกองทัพที่ 8 ของสหรัฐอย่างหนัก จนต้องถอยลงมาถึงแนวแม่น้ำฮั่นใกล้กรุงโซล

ในช่วงวิกฤตของสงคราม มีข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ออกไปว่า แมคอาเธอร์วิจารณ์ทรูแมนว่า นโยบายสงครามเกาหลีของทรูแมนเป็นนโยบายที่ล้มเหลว จึงไม่ชนะสงคราม ประธานาธิบดีทรูแมนตรึกตรองแล้วและเคยตักเตือนมาก่อน ประกอบกับความกังวลว่าแมคอาเธอร์จะนำกำลังบุกขึ้นเหนือไปโดยพลการ

11 เมษายน 2494 ทรูแมนลงนามในคำสั่งปลดนายพลแมคอาเธอร์ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งนายพลริดจ์เวย์ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

ในปี พ.ศ.2532 ผู้เขียนได้ทุนไปศึกษาต่อในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา ณ ฟอร์ตเลฟเวนเวิร์ธ รัฐแคนซัส จำได้แม่นยำว่าประเด็นการปลดนายพลแมคอาเธอร์นี้ เป็นกรณีศึกษาในห้องเรียนที่เผ็ดร้อน ดุเดือด อาจารย์จะให้นายทหารสหรัฐ (ชั้นยศร้อยเอก-พันตรี) ถกแถลงกันด้วยหลักการและเหตุผลเพื่อการศึกษา เป็นวิชาที่สนุก สร้างสรรค์ ไม่มีวันลืม

ประชาชนอเมริกันค่อนข้างไม่พอใจประธานา ธิบดีทรูแมนที่ปลดแม่ทัพแมคอาเธอร์ เนื่องจากต้องการให้ทหารสหประชาชาติได้ชัยชนะเด็ดขาดในสงครามเกาหลี รวมเกาหลีเหนือ-ใต้เป็นหนึ่งเดียวและต้องการเอาชนะฝ่ายคอมมิวนิสต์

22-29 เมษายน และ 16-20 พฤษภาคม 2494 กองทัพสหประชาชาติต้องร่นถอยทางยุทธวิธีอีกครั้ง สู้พลางถอยพลางอย่างดุเดือดกับทหารเกาหลีเหนือและทหารจีนคอมมิวนิสต์ ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สงครามยังไม่แพ้-ชนะกันเด็ดขาด แต่ที่แน่ๆ สงครามที่เกิดขึ้นเป็นการล้างผลาญและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกันทุกฝ่าย

ทำสงครามกันมานาน 3 ปี ทุ่มเทชีวิตทหารและทรัพยากรไปมหาศาล นายทริกเว ลี (Trygve Lie) เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวในเดือน พฤษภาคม 2494 ว่าบัดนี้ถึงเวลาอันสมควรที่จะได้เจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพ

ต่อมาเมื่อ 23 มิถุนายน 2494 นายมาลิก รมว.กต. สหภาพโซเวียต ได้กล่าวทางวิทยุกระจายเสียงของสหประชาชาติ เสนอให้มีการเจรจาสงบศึกในเกาหลี และต่อมาทางการจีนก็ได้ประกาศทางวิทยุ สนับสนุนข้อเสนอของสหภาพโซเวียต

สําหรับสหรัฐเองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการปรับลดกำลังทหาร ปิดหน่วยทหารและลดการจัดหาอาวุธเพื่อลดงบประมาณ ส่วนประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่ก็แหนงหน่าย เจ็บปวดกับทุกสงครามนอกบ้านที่มาพรากชีวิตเด็กหนุ่มอเมริกันไปนับหมื่นคน ปัจจัยเหล่านี้เลยเป็นเหตุผลที่ต้องหาทางหยุดยิงให้เร็วที่สุดเช่นกัน

10 กรกฎาคม 2494 เริ่มการเจรจาเพื่อหยุดยิงขั้นต้น ทั้งสองฝ่ายไปคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเคซอง และต่อมาได้ย้ายไปเจรจากันที่ ตำบลปันมุนจอม (Punmunjom) โดยมีพลเรือโท จอย ผบ.ทหารเรือสหรัฐ ภาคตะวันออกไกล เป็นผู้แทนกองทัพสหประชาชาติในการเจรจา เกาหลีเหนือส่งพลเอกนัมมิล เสนาธิการทหารบกมาเจรจา ระหว่างการเจรจาทหารทั้งสองฝ่ายยังคงรบกันดุเดือด

เจรจากันนาน 2 ปี 17 วัน จึงสามารถลงนามในข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม 2496 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ตำบลปันมุนจอม ต่อมาเวลา 14.00 น. นำเอกสารไปให้ฝ่ายสหประชาชาติ คือ พลเอก มาร์ค ดับเบิลยู คลาร์ค ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติ และนำไปให้ผู้บัญชาการทหารจีนคอมมิวนิสต์และเกาหลีเหนือลงนามที่กรุงเปียงยาง โดยจะมีผลบังคับในเวลา 22.00 น. คืนวันเดียวกัน

การเจรจาหยุดยิง ถ้าไม่รบให้ชนะเด็ดขาด จะเป็นการเจรจาที่ยากเย็นแสนเข็ญ มีอาการท่วงท่าลีลา ยอกย้อน ยั่วยวนกวนประสาท เล่นคำ เล่นสำนวน ต่อรองกันไปมาที่ต้องอดทนต่อการยั่วยุ

(สงครามเวียดนาม มีการเจรจาเพื่อหยุดยิงกันที่กรุงปารีสใช้เวลา ราว 3 ปี 6 เดือน ระหว่างเจรจาทหารก็ยังต้องรบกันต่อไป)

การลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกครั้งนั้น ประธานาธิบดีซิงมันรีของเกาหลีใต้ไม่พอใจและไม่ขอลงนามเพราะต้องการให้กองทัพสหประชาชาติรุกผ่านเกาหลีเหนือไปจนถึงแม่น้ำยาลู เพื่อจะได้รวมประเทศเกาหลีเป็นหนึ่งเดียว ยังขุ่นเคืองใจว่า การเจรจาสงบศึก คือการยอมรับว่าฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะ

การลงนามหยุดยิงครั้งนั้น รัฐบาลไทยส่งพลตรี ถนอม กิตติขจร มาเป็นผู้แทน ซึ่งมีเอกสารอยู่ 9 ฉบับ มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ เกาหลี และจีน

พ.ศ.2496 ไอเซนฮาวร์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐต่อจากทรูแมน ซึ่งเคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะยุติสงครามเกาหลีเพื่อนำลูกหลานอเมริกันกลับบ้าน จึงต้องทำตามสัญญา การทำศึกสงครามต่อไปอีกเพื่อรวมเกาหลีให้เป็นประเทศเดียว กลายเป็นความฝันที่รางเลือน

ตั้งแต่ลงนามหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม 2496 มาจนถึงวันนี้คือ 22 พฤษภาคม 2560 สถานะของทั้งสองประเทศคือ ยังอยู่ในระหว่างการหยุดยิงตามสนธิสัญญา ไม่มีอะไรคืบหน้า แผ่นดินเกาหลียังมิได้หลอมรวมกัน แถมทั้งสองฝ่ายยังต้องสั่งสมกำลังทหาร อาวุธ สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมหาศาล ในทางปฏิบัติทั้งเกาหลีเหนือและใต้ ต่างก็อยู่ในภาวะสงครามที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ

สงครามเกาหลีจบลงด้วยภาวะคาราคาซัง หัวเราะมิได้ ร่ำไห้มิออก

ข้อมูลกลาโหมสหรัฐระบุทหารอเมริกันเสียชีวิตจากการรบ 33,686 นาย มิใช่จากการรบ 2,830 นาย เสียชีวิตมากที่สุดเมื่อปะทะกับกองทัพจีนครั้งแรกเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2493 จำนวน 8,516 นาย

ประชาชนเกาหลีใต้เสียชีวิต 373,599 คน และทหารเกาหลีใต้เสียชีวิต 137,899 นาย ประมาณการว่าทหารจีนคอมมิวนิสต์เสียชีวิตราว 4 แสนนาย และบาดเจ็บอีก 5 แสนนาย

ทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตราว 2 แสนนาย บาดเจ็บราว 3 แสนนาย

หลังจากหยุดยิง มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกนับหมื่นคนที่แสนจะยุ่งยากในการประสานงาน เกาหลีเหนือเริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างก้าวหน้าและต่อเนื่องจนพัฒนาเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ทั้งนี้ เพื่อใช้ข่มขู่เกาหลีใต้และสหรัฐ ถึงแม้ลูกพี่ใหญ่คือจีนจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดใจไม่ได้เพราะต้องดูแลเกาหลีเหนือไว้เพื่อถ่วงดุลกับสหรัฐ

เกาหลีเหนือต้องแสดงแสนยานุภาพโดยทดสอบการยิงจรวดเป็นระยะๆ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองและเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากประเทศมหาอำนาจ เมื่อทุ่มเททรัพยากรไปกับการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง ทุ่มเททรัพยากรให้กับกองทัพเป็นหลัก ปัญหาคือ เรื่องเศรษฐกิจที่ประชาชนเกาหลีเหนือต้องแบกรับ มีความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ขาดแคลนทุกสิ่งที่จำเป็นและมีจำนวนไม่น้อยที่หาโอกาสหลบหนีออกนอกประเทศ และทางเลือกคือหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย

ส่วนเกาหลีใต้หลังจากหยุดยิง บ้านเมืองโดยเฉพาะกรุงโซลที่รบกันดุเดือด แย่งชิงกันไป-มา 5 ครั้ง ต้องสร้างบ้านสร้างเมืองใหม่ทั้งหมด ประชาชนลำบากยากแค้นแสนสาหัส เพราะสงครามยาวนาน 3 ปี แม้กระทั่งสะพานข้ามแม่น้ำฮั่นในกรุงโซลก็เหลือเพียงซาก รัฐบาลไทยเคยส่งทีมแพทย์ พยาบาลไปช่วยเหลือหลังการหยุดยิง

สภาพสังคม บ้านเมืองหลังสงครามของเกาหลีใต้ในวันนั้น ถูกทำล้าหลังประเทศไทยไปราว 50 ปี

หากแต่การสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ เกาหลีใต้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ช่วยเหลือวางโครงสร้างด้านเทคโนโลยี 3 ด้าน คือ

อุตสาหกรรมหนัก (ต่อเรือ เครื่องจักรหนัก และเหล็กอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องใช้ไฟฟ้า) และด้านการเงิน รัฐบาลเกาหลีใต้มุ่งมั่นตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา และบัดนี้เกาหลีใต้เป็นชาติที่ขึ้นมายืนแถวหน้าในโลกนี้อย่างสง่างามและผงาดขึ้นเป็น 1 ใน 4 เสือของเอเชียและยังคงก้าวหน้าเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง และแม้กระทั่งวัฒนธรรมแบบเกาหลี ภาพยนตร์ การแต่งกาย ดนตรีที่คนไทยคลั่งไคล้ใหลหลง

เศรษฐกิจ การค้า การเติบโตของเกาหลีใต้วันนี้กลายเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามสำหรับจีน และญี่ปุ่นที่เคยทำสงครามข่มเหงรังแกเกาหลีใต้มาตลอด เกาหลีใต้มีบทบาทสูงในเวทีระหว่างประเทศ ถึงขนาดเคยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว

คนทั่วโลกให้คำนิยามประเทศเกาหลีใต้ว่า เป็น Man-made miracle on Han river หรือมหัศจรรย์บนฝั่งแม่น้ำฮั่นที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์ เป็นการยกย่องชาวเกาหลีใต้ที่สร้างบ้านเมือง สังคมที่เคยล่มสลายให้กลับมาก้าวหน้าได้แบบปาฏิหาริย์

เกาหลีเหนือ-ใต้ อยู่ในสภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ต่างคนต่างไป ไม่มีใครทราบอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ริบหรี่เต็มที

เรียบเรียงโดย
พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

สำหรับในสหรัฐสงครามเกาหลีไม่ได้รับความสนใจมากเหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามเวียดนาม บางครั้งสงครามนี้ถูกเรียกว่า “สงครามที่ถูกลืม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image