ฝนตกห่าใหญ่ น้ำรอระบาย แต่ระบายไม่ทัน เลยท่วมซ้ำซากฟากกรุงเทพฯ ด้านทิศตะวันออก เพราะเมืองขยายไปทางพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแก้มลิงธรรมชาติตั้งแต่ยุคดั้งเดิมก่อนมีกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ น้ำท่วมขังก้นกระทะ
กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่ากลางเมือง จากทิศเหนือลงทิศใต้ (ให้น้ำไปรวมในทะเลอ่าวไทย) จึงมีกรุงเทพฯ 2 ฝั่ง เรียกชื่อต่างกันว่า ฝั่งธนบุรี กับ ฝั่งกรุงเทพฯ (หรือฝั่งพระนคร)
ฝั่งธนบุรี พื้นที่เป็นดอน จึงมีระดับสูงกว่าฝั่งกรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่ลุ่มต่ำลาดลงไปทางทิศตะวันออก แล้วเป็นแอ่งก้นกระทะอยู่แถบเขตดินแดง, ห้วยขวาง, บางกะปิ ฯลฯ
เพราะดั้งเดิมเป็นแก้มลิงธรรมชาติขนาดมหึมา กักน้ำก่อนไหลลงทะเลอ่าวไทย และเป็นพื้นที่เลี้ยงควายไถนาของคนรุ่น ไม้ เมืองเดิม ใช้เป็นฉากทุ่งนาในนิยายเรื่องแสนแสบของไอ้ขวัญกับ อีเรียม
แต่คนปัจจุบันไปตั้งชุมชนเมืองขนาดใหญ่ โดยไม่เรียนรู้อย่างนอบน้อมธรรมชาติ ก็ต้องมีปัญหาแก้ไม่ตกหรอก นอกจากยอมรับการท่วมของน้ำประจำปี
ฝั่งธน ที่ดอนสามเหลี่ยมใหม่
ฝั่งธนบุรีเป็นที่ดอนสูง (กว่าฝั่งกรุงเทพฯ) เพราะเป็นบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมใหม่ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา อันเนื่องจากการทับถมของโคลนตะกอนที่ลำน้ำพัดพามาจากที่สูงในฤดูน้ำหลาก
[มีรายละเอียดอีกมากในหนังสือ สร้างบ้านแปงเมือง ของ ศรีศักร วัลลิโภดม สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ. 2560 ราคา 280 บาท เป็นคัมภีร์บอกภูมิประเทศที่ก่อให้เกิดสร้างบ้านแปลงเมืองทั่วไทย]
ถ้าน้ำไม่มากจริงๆ ฝั่งธนก็ท่วมยาก หรือท่วมไม่สาหัสมากเท่าฝั่งกรุงเทพฯ
เพราะเป็นที่ดอนสูงโดยธรรมชาติ จึงเป็นหลักแหล่งของคน แล้วมีชุมชนเก่าสุดในกรุงเทพฯ อยู่บริเวณนี้ เช่น บางระมาด, บางเชือกหนัง เป็นต้น
จนเป็นเมืองบางกอก แล้วเติบโตเป็นกรุงธนบุรีของพระเจ้าตาก
มิวเซียมกรุงเทพฯ ไม่มี
มิวเซียมกรุงเทพฯ ยังไม่มี เพราะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) มุ่งแต่รุกไล่ชุมชนประวัติศาสตร์อย่างชุมชนป้อมมหากาฬ ทำให้กรุงเทพฯ ไม่มีแหล่งเรียนรู้พัฒนาการความเป็นมาของชุมชนบ้านเมืองก่อนจะเป็นกรุงเทพฯ
หอสมุดเมืองที่สี่แยกคอกวัว น่าจะทำนิทรรศการง่ายๆ บอกความเป็นมากรุงเทพฯ ไปพลางๆ จนกว่าจะมีมิวเซียมกรุงเทพฯ (ไม่รู้อีกกี่ชาติ?)