การเมือง ดวงดาว มฤตยู เข้าราศีเมษ ถึงฤกษ์ เปลี่ยนแปลง?

พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ เจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เปิดเผยว่า วันที่ 6 มีนาคมนี้ เป็นวันที่ดาวมฤตยูจะย้ายเข้าดวงเมืองคือราศีเมษ ซึ่งราศีเมษกับดวงโลกเป็นราศีเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 84 ปี

ดาวมฤตยูหรือยูเรนัสมีลักษณะเป็นเลขศูนย์ ที่แยกออกมาเป็น 4 ขบวนการ

คือ การเปลี่ยนแปลง (Change) ตามโลกไทยเข้าสู่ยุคใหม่ การก้าวสู่นวัตกรรม (Innovation) มีการนำแนวคิด (Idealist) ใหม่เข้ามาพัฒนา และไทยจะมีเสรีภาพมากขึ้น

หรือเมื่อมองตามหลักพุทธศาสนาเป็นอนัตตา หากย้อนไปเมื่อ 233 ปีที่แล้ว รัชกาลที่ 1 ท่านทรงวางเสาหลักเมืองวันที่ 24 เมษายน 2325 ซึ่งท่านให้ลักขณาสถิตราศีเดียวกับโลก

Advertisement

หมายความว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปตามนั้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 84 ปีที่แล้ว วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่ ครั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย

ฉะนั้น ผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นก็ต้องไป หากไม่รับการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระบวนการทั้ง 4 อย่าลวงอารมณ์ อย่าหลงตัวเอง อย่าโกหกตัวเองว่าตัวเองถูกต้อง คนเช่นนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยไม่สามารถขัดขวางได้

Advertisement

อยู่ที่ผู้นำในทุกด้านของไทยจะเปลี่ยนแปลงตามโลกหรือไม่ โดยเฉพาะด้านการศึกษาต้องปรับปรุงอย่างแรง ไม่เช่นนั้นจะล้าหลังไม่ทันการศึกษาโลก

พระพรหมมังคลาจารย์ กล่าวด้วยว่าการเคลื่อนของดาวมฤตยูครั้งนี้ อาจส่งผล กระทบต่อจิตใจของประชาชน วัดไตรมิตรฯ จึงจัดงานสวดเจริญพุทธมนต์ทุกบท ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ตั้งแต่เวลา 17.00 น. พิธีสวดนพเคราะห์ครั้งนี้ พิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะใช้บทสวดที่สอดคล้องกับดาวมฤตยู คือบทอนัตตลักขณสูตร

เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ คือ พระสูตรที่แสดงลักษณะของอนัตตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงที่คาดว่าจะเข้าร่วมพิธีสวดนพเคราะห์ในครั้งนี้ อาทิ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา, นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์, ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นต้น

และโดยไม่ต้องมีประเด็นโหราศาสตร์ หรือดาวมฤตยูเข้ามาเกี่ยวข้อง

คนไทยจำนวนไม่น้อยก็เห็นเค้าลางของปัญหาและความเปลี่ยนแปลงที่คืบคลานเข้ามาในอนาคตอันใกล้

ประเด็นหนึ่งด้านเศรษฐกิจ การหดตัวของการส่งออกและเงินลงทุนจากต่างประเทศ หมายถึงการหดตัวของเศรษฐกิจ การบริโภค และการลงทุนในประเทศจะนำมาสู่การลดหรือปลดคนงานหรือไม่

ประเด็นหนึ่งด้านเกษตรกรรม การขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จะยิ่งซ้ำเติมให้ภาคเกษตรที่ประสบปัญหารายได้ตกต่ำอยู่แล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ประสบปัญหาสาหัสยิ่งกว่าเดิมหรือไม่

ประเด็นหนึ่งด้านการเมือง ระยะใกล้ที่สุดคือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งบัดนี้ไม่ปิดบังมิดเม้นแล้วว่า จะมีบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจผู้ปกครองในปัจจุบันกุมอำนาจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดแนวทางการบริหาร หรือการแต่งตั้งถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

ถามว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่

 

ดวงดาวเป็นตัวกำหนดให้สถานการณ์บีบรัดเข้ามา หรือว่ามนุษย์เป็นผู้ลงมือกระทำเอง แล้วบังเอิญไปสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางโหราศาสตร์

เป็นประเด็นถกเถียงต่อไป

แต่ประเด็นที่คนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันก็คือ สถานการณ์ในปัจจุบัน “เปราะบาง-ล่อแหลม” และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม

เป็นสถานการณ์ที่พุทธศาสนาอธิบายว่าเป็นไปตามหลักพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา-คือไม่เที่ยงแท้ ตั้งอยู่ไม่ได้ และไม่สามารถกำหนดควบคุมได้ดังใจ

จะดวงดาว จะข้อเท็จจริง จะแก่นพุทธศาสน์

ล้วนบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image