“ห่วง SMEs ไม่ฟื้น ธปท.พบสัญญาณความสามารถในการแข่งขันฉุดเติบโต หวั่น NPL แบงก์พุ่ง” (โพสต์ทูเดย์ 25 พ.ค. 2560)
ความสามารถในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ของธุรกิจอุตสาหกรรม หมายถึง ทักษะความสามารถที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของกิจการหนึ่งๆ ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการสร้างคุณค่าและความพึงพอใจแก่ลูกค้าได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใช้ในการต่อสู้แข่งขันกับคู่แข่งขัน เพื่อความอยู่รอดของกิจการและเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ความสามารถในการแข่งขัน (ในทางปฏิบัติ) จึงมีองค์ประกอบหลายประการ ดังนี้
ประการที่ 1 – ความสามารถในการแข่งขันต้องเป็นความสามารถทางด้านทักษะและความชำนาญของกิจการหนึ่งๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษและแตกต่างจากคู่แข่งขันในการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
ประการที่ 2 – ความสามารถที่แตกต่างจากคู่แข่งขันนั้น ต้องมีลักษณะที่เหนือกว่าคู่แข่งขันด้วย คือมีความได้เปรียบคู่แข่งในด้านหนึ่งด้านใดหรือหลายด้านรวมกัน เช่น ราคาขายถูกกว่า คุณภาพดีกว่า มีบุคลากรที่มีคุณภาพมากกว่า หรือส่งของได้เร็วกว่า เป็นต้น
ประการที่ 3 – ความสามารถดังกล่าว มีความสำคัญต่อการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้อย่างแท้จริง
ประการที่ 4 – ความสามารถที่ได้เปรียบคู่แข่งขันนั้นเกิดจากความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นทีมด้วยการผนึกกำลัง (Synergy) ของบุคลากร และเหตุปัจจัยต่างๆ ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ ที่สามารถเพิ่มคุณค่าและความพอใจแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัย QCD” จึงเป็นหลักของความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งหมายถึง คุณภาพ (Quality), ต้นทุน (Cost) และเวลาส่งมอบ (Delivery) นั่นคือ คุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ดีกว่าคู่แข่งขัน ต้นทุนการผลิตต่ำ ซึ่งทำให้ราคาขายเป็นที่ยอมรับได้ และเวลาส่งมอบที่รวดเร็วตรงตามเวลานัดหมาย
SMEs จึงต้องเริ่มด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างและการปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงปัจจัย QCD ให้ดีขึ้นก่อน และต้องประเมินขีดความสามารถหรือศักยภาพในการแข่งขันของกิจการตนเองเสมอๆ ด้วย
บ่อยครั้งที่พบว่า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เราสามารถทำได้ด้วยการปรับปรุง หรือแต่งเติมของที่มีอยู่ โดยไม่ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ครับผม!
วิฑูรย์ สิมะโชคดี