ภาพสเกตช์ที่หายไป โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

คดีระเบิดยังสร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองกรุง ลูกเก่ายังสะสางกันไม่จบ มีลูกใหม่โผล่ขึ้นมาอีก ยังดีที่ไปพบเจอในลักษณะที่ยังไม่ทันได้ก่อเหตุ ยังไม่ทันได้สร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้น คงต้องเสริมมาตรการป้องกันกันเข้มงวดต่อไป

แต่แน่นอน คดีที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยังเป็นเรื่องใหญ่ ประชาชนเฝ้ารอคอยว่า จะจับกุมได้หรือไม่

เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ เข้าไปวางถึงในโรงพยาบาลสังกัดทหารบก และลงมือในวันครบรอบ 3 ปี คสช.ด้วย

ในความเป็นจริง คดีระเบิดเป็นคดีที่จับกุมได้ยากสุด เพราะคนมาวางระเบิดเตลิดไปไกลถึงไหนแล้ว ก่อนที่มันจะทำงาน

Advertisement

ดังนั้น กล้องวงจรปิดเป็นเครื่องมือสำคัญอันดับแรกสำหรับการช่วยหาตัวคนร้าย เพราะต้องมองย้อนหลังกลับไป ว่าใครเดินเข้ามาตรงจุดที่วางระเบิดบ้าง

ปัญหาของวงจรปิด ทำให้คดีที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อาจจะไม่ลื่นไหล

ไม่เหมือนคดีระเบิดที่ศาลพระพรหม เมื่อปี 2558 ซึ่งตอนนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

Advertisement

ยังเป็นรอง ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี ได้กล้องวงจรปิดเห็นภาพในทันทีหลังเสียงระเบิดไม่นาน ว่าชายต่างชาติคล้ายแขกขาวสะพายเป้เข้ามาวาง

จากนั้นใช้เทคโนโลยีตรวจพิสูจน์ตำแหน่งบุคคลในบริเวณที่เกิดเหตุ ทำให้พบร่องรอยได้เร็ว

ลงเอยจับกุมได้ 2 ราย เป็นชาวอุยกูร์ที่มีปมปัญหาการส่งคนอพยพกลับไปยังจีน พร้อมพยานหลักฐานวัสดุการประกอบระเบิดเพียบพร้อม คดีชัดเจนไม่มีอะไรน่าสงสัย

แถมยังเป็นการจับกุมที่เหลือเชื่อ เพราะเป็นคนร้ายข้ามชาติ ไม่อยู่ในสารบบของเจ้าหน้าที่ไทย

นี่แหละ ด้วยกล้องวงจรปิด เป็นเครื่องมือสำคัญในการพบคนร้าย

ดังนั้น เวลานี้บรรดาสถานที่สำคัญๆ บริษัทห้างร้านต่างๆ ทุกๆ จุดที่มีกล้องวงจรปิด ต้องตรวจสอบเช็ดถูเพื่อให้ชัดแจ๋วเต็มประสิทธิภาพ ถ้าไม่ชัดหรือเสีย ต้องรีบซ่อมแซมเป็นการด่วน

เพราะดูเหมือนสังคมกรุงเทพฯยังไม่พ้นภัยระเบิด

พูดถึงความคืบหน้าของคดีโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วันก่อน พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า รู้ตัวแล้วแต่ขออุบไว้ก่อน

พอดีกับที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ให้สัมภาษณ์ว่าคดีคืบหน้าไป 20 เปอร์เซ็นต์

เลยต้องมาทำความเข้าใจกันต่อหน้าสื่อว่า ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน

อันที่จริงทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ผ่านการทำคดีใหญ่ๆ มาทั้งคู่ มีประสบการณ์ความรอบรู้จริง ดังนั้น เชื่อได้ว่าไม่มีปัญหาขัดกัน เพราะทั้งคู่ดูรูปคดีก็รู้ว่า ตอนนี้ถึงไหน ต้องตามอะไรต่อ อะไรที่พูดได้ อะไรที่ยังไม่ควรพูด

ที่ดูจะสร้างความหงุดหงิดให้ทั้ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ก็คงเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านคดีมากกว่า

ถ้าจำกันได้ วันก่อน พล.ต.อ.ศรีวราห์ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยอย่างเหน็ดเหนื่อยว่า “แล้วที่รวบรวมพยานมาให้ฟังนั้น มันรับฟังได้ไหม เอาคนโรคจิตมาให้ฟัง อย่างนี้เป็นไปไม่ได้”

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องฮาๆ โดยเกี่ยวข้องถึงภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัยที่เล็ดลอดออกมาทางสื่อแวบๆ แล้วก็หายไป

เพราะนายตำรวจใหญ่บางคนไม่เข้าใจ ไม่ตรวจสอบก่อนว่าพยานที่บอกเล่าจนได้ภาพสเกตช์นั้น เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลโดยป่วยด้วยอาการอะไร

พอให้แพทย์โรงพยาบาลตำรวจไปทดสอบ ลงเอยสรุปว่าเป็นพยานที่ไม่อยู่ในสภาพที่รับฟังได้

สรุปว่าเป็นภาพสเกตช์ที่มีที่มาน่าอับอายสุดสุด

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจมาก ไม่มีชื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เป็นหนึ่งใน 201 พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้

ล่าสุด พล.ต.อ.ศรีวราห์บอกว่า ใส่ชื่อกลับมาแล้ว แค่ผิดพลาดทางงานเอกสารเท่านั้น!?!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image