เรื่องของกาตาร์ในคาบสมุทรอาระเบีย : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

คาบสมุทรอาระเบีย (สีชมพู)

คาบสมุทรอาระเบียเป็นคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีเนื้อที่ถึง 3,237,500 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางสี่แยกของ 3 ทวีป คือ เอเชีย แอฟริกาและยุโรป ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ 7 ประเทศคือ เยเมน, บาห์เรน, คูเวต, กาตาร์, สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์, โอมาน, ซาอุดีอาระเบีย และบางส่วนของอิรักกับจอร์แดน ส่วนที่กว้างที่สุดของคาบสมุทรประมาณ 1,930 กิโลเมตรจากทิศเหนือไปทิศใต้ และประมาณ 2,091 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของแผ่นดินเป็นทะเลทรายซึ่งในอดีตเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอาหรับผู้เร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ (เรียกว่าพวกเบดูอิน) มีบริเวณที่มีดินอุดมสมบูรณ์และมีโอเอซิสขนาดใหญ่มีน้ำเพียงพอที่จะสนับสนุนชุมชนเกษตรกรรมอยู่เป็นหย่อมๆ และมีเฉพาะแผ่นดินเพียงแถบเล็กๆ ที่มีฝนตกอันอุดมสมบูรณ์ในคาบสมุทรอาระเบียตอนใต้เท่านั้น และที่น่าทึ่งคือ
ทั้งคาบสมุทรอาระเบียไม่มีแม่น้ำเลย

ราว พ.ศ.1044 เป็นต้นมาชาวอาหรับ (เบดูอิน) จำนวนหนึ่งเลือกที่จะตั้งหลักแหล่งในโอเอซิสหรือในตลาดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลตะวันตกของอาระเบีย จนกลายเป็นเมืองตลาดสำหรับการค้าขายสินค้าท้องถิ่นและสินค้าที่นำมาจากทางไกลทำให้เกิดเส้นทางการค้าขายเชื่อมต่ออาระเบีย (อาหรับ) เข้ากับมหาสมุทรที่สำคัญและเส้นทางการค้าขายทางบนบกเข้าด้วยกัน เส้นทางการค้าขายผ่านอาหรับทอดจากตอนใต้สุดของคาบสมุทรอาระเบียกับจักรวรรดิไบเซนไทน์และจักรวรรดิแซสซานิด (เปอร์เซีย) ไปทางทิศเหนือ เหล่าพ่อค้าจากทั้งสองอาณาจักรเดินไปตามเส้นทางคาราวานเพื่อค้าขายสินค้าจากเส้นทางสายไหม (Silk Roads) ของทางทิศตะวันออก พวกเขาลำเลียงเครื่องเทศและธูปจากเยเมนและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไปทางทิศตะวันตก ตลอดจนนำเอาข้อมูลข่าวสารและความคิดจากโลกภายนอกคาบสมุทรอาระเบีย

ในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์บางเดือน กองคาราวานได้หยุดในเมืองมักกะฮ์ ในภาคตะวันตกของอาระเบีย
ผู้แสวงบุญไปนมัสการกะอ์บะฮ์ (หินดำ) ชาวอาหรับเชื่อมโยงสถานที่เคารพบูชานี้กับอับราฮัม ศาสดาพยากรณ์ผู้ที่เป็นต้นสายบรรพบุรุษของชาวอาหรับทั้งปวงและที่เมืองมักกะฮ์นี้เองใน พ.ศ.1113 นบีมุฮัมหมัด ศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ได้ถือกำเนิดและเผยแผ่ศาสนาอิสลามไปทั่วคาบสมุทรอาระเบียและบรรดาสาวกของศาสนาอิสลามที่เรียกว่ามุสลิมก็ได้เผยแผ่ศาสนาอิสลามไปทั่วโลก

ประเทศกาตาร์ (สีเหลือง)

เนื่องจากคาบสมุทรอาระเบียนั้นแร้นแค้นมากเพราะเป็นทะเลทรายส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีประชากรอาศัยอยู่มากนัก และมักตกอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิต่างๆ เป็นนิจ ดังนั้นการตั้งประเทศขึ้นมาเป็นรัฐชาติ (nation state) จึงเพิ่งเกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ทั้งยังมีปัญหาทางด้านพรมแดนเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของทะเลทรายที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอแต่การค้นพบน้ำมันดิบและก๊าซธรรม
ชาติปริมาณมากที่สุดในโลกที่คาบสมุทรอาระเบียเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่แล้วนี้เองได้เปลี่ยนบรรดาประเทศในคาบสมุทรอาระเบียให้กลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวยด้วยเงินจากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและเสียงดังในวงการเมืองระหว่างประเทศขึ้นมาตามลำดับ

Advertisement

บรรดาประเทศในคาบสมุทรอาระเบียนั้นทั้ง 7 ประเทศ ยกเว้นแต่เยเมนประเทศเดียวล้วนแต่เป็นการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีกษัตริย์หรือประมุขที่เรียกชื่อต่างๆ กันเป็นผู้มีอำนาจทั้งสิ้นซึ่งใน พ.ศ.2524 บรรดาประเทศทั้ง 7 นี้ได้ร่วมตั้งก่อตั้งองค์การความร่วมทางการเมืองและเศรษฐกิจ คือ The Gulf Cooperation Council (GCC) โดยมีซาอุดีอาระเบียเป็นหัวเรือใหญ่เนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด รวยที่สุด และใช้จ่ายเงินซื้ออาวุธสูงที่สุด

ทีนี้ก็มาถึงเรื่อง “กาตาร์” ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ที่มั่งคั่งด้วยการส่งออกก๊าซธรรมชาติมากที่สุดในโลกตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาระเบีย มีเนื้อที่ 11,437 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรเพียง 2.6 ล้านคน แต่เป็นชาวกาตาร์จริงๆ เพียง 3 แสนคน ส่วนอีก 2.3 ล้านคนเป็นคนต่างชาติ โดยเป็นแรงงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียร่วม 10 ประเทศ โดยเป็นแรงงานจากอินเดียมากที่สุดร่วม 5 แสนคน

กาตาร์เป็นที่รู้จักกันเพราะว่าจะได้เป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก ปี 2022 มิหนำซ้ำกาตาร์ยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นเจ้าของสายการบิน Qatar Airline ที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในตะวันออกกลาง และที่สำคัญที่สุดคือทางการกาตาร์เป็นเจ้าของสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์อัล จาซีรา ที่ทรงอิทธิพลในโลกสื่อสารมวลชนในปัจจุบัน

Advertisement

อย่างว่าแหละครับ มีเพียงกาตาร์กับคูเวตเพียง 2 ประเทศเท่านั้นในคาบสมุทรอาระเบียที่อ้างตัวเองว่าเป็นประเทศที่ปกครองแบบกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) ถึงแม้ว่ายังมีนักรัฐศาสตร์จำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยก็ตาม ประกอบกับกาตาร์เป็นเจ้าของสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์อัล จาซีรา ที่เป็นสื่อมวลชนทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งการเป็นสื่อมวลชนที่ได้รับความ
เชื่อถือก็ย่อมต้องเสนอข่าวสารที่มีสาระ แม่นตรง และรวดเร็ว รวมทั้งการวิเคราะห์ข่าวต้องเป็นไปอย่างมืออาชีพ ซึ่งสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียงของเผด็จการจะทำไม่ได้เลย ดังนั้นอัล จาซีราจึงถูกตัดขาดทันทีหลังจากบรรดาประเทศ 4 ประเทศในคาบสมุทรอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและปิดพรมแดน นอกจากนี้กาตาร์ยังให้การสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ซึ่งเป็นองค์การเอกชนมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมระบบอิสลามสากลในการปกครองโดยใช้กฎหมายและศีลธรรมของอิสลามและใช้วิธีการสังคมสงเคราะห์เป็นการเผยแผ่หลักการตั้งขึ้นในอียิปต์เมื่อ พ.ศ.2471 โดยนายฮัสซัน อัล-บานนา ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจกับเผด็จการทหารของอียิปต์มาโดยตลอดทำให้อียิปต์ซึ่งเป็นประเทศอาหรับที่กำลังทหารเข้มแข็งที่สุดร่วมตัดความสัมพันธ์ต่อกาตาร์อีกประเทศหนึ่ง

ทั้งนี้ ประเทศในคาบสมุทรอาระเบียทั้งหมดและอียิปต์ล้วนแล้วแต่เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปเยือนซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแรกของการไปเยือนต่างประเทศแถมยังให้ท้ายซาอุดีอาระเบีย (จากถ้อยคำอ้างอิงของทรัมป์เอง) ให้ซาอุดีอาระเบียดำเนินมาตรการเด็ดขาดเพื่อเป็นการสั่งสอนกาตาร์

ซึ่งนับว่าเป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศเรื่องหนึ่งที่บ้าๆ บอๆ ของทรัมป์ที่ยุให้เกิดความแตกแยกภายในพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image