ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
หากยังจำกันได้ หลังรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้ใหม่ๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเคยบอกเอาไว้ว่า จะไม่ใช้ ม.44 เหมือนก่อนหน้า
นี่แสดงว่า การตัดสินใจเสนอให้ใช้ ม.44 แก้อุปสรรคโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่กำลังมีข่าวนั้น จำเป็น
โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งมวลชน ซึ่งกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ
โครงการนี้โด่งดังในยุคสมัย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โครงการนี้ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอให้ใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ผลักดันให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี
แต่เพราะเงินกู้จำนวน 2 ล้านล้านบาทนี่เองที่ทำให้โครงการต้องยุติ
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าวงเงินดังกล่าวไม่ถูกต้อง
แม้โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจะยุติลง แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงยังคงเป็นที่ต้องการเพื่อพัฒนาการขนส่งระบบรางของไทย
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เองก็เห็นความสำคัญ จึงผลักดันไปพร้อมๆ กับรถไฟทางคู่
โฟกัสไปที่โครงการรถไฟไฮสปีดที่รัฐบาลต้องการ ได้กำหนดให้เริ่มต้นด้วยความยาว 3.5 กิโลเมตร
มีข่าวประกาศออกมาเป็นระยะว่า ไทยกับจีนจับมือกันสรรค์สร้าง
แต่เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไป โครงการดังว่าก็ยังไม่คืบหน้า
ความอึมครึม ไม่คืบหน้านี้ แรกๆ เป็นเพียงปัญหาภายในประเทศ
ระยะหลังอาการไม่รุกคืบในโครงการรถไฟไทย-จีน อาจสะเทือนไปถึงความสัมพันธ์
ทุกอย่างจึงต้องเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
จากนั้นไม่นานก็มีแนวคิดที่จะใช้ ม.44
ตามข่าวสารที่ปรากฏ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ระบุรายละเอียดในการใช้ ม.44 แก้ไขอุปสรรคการสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวเอาไว้ 5 ประการ
หนึ่ง ผ่อนผันให้วิศวกรชาวจีนทำงานในประเทศไทยได้
หนึ่ง ประเด็นการผ่านซุปเปอร์บอร์ด กรณีการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการที่มีวงเงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป
หนึ่ง การกำหนดให้ใช้วิธีเจรจาเสนอราคา มาแก้ปัญหาวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะไทยกำหนดราคากลางไว้ แต่จีนไม่มี
หนึ่ง การจัดซื้อจัดจ้างแบบรัฐต่อรัฐระหว่างไทย-จีน ระบบจีนใช้ระบบให้สภาพัฒน์เลือกบริษัทเอกชนเป็นคู่สัญญา
จึงต้องส่งให้กระทรวงคมนาคมเร่งใช้ระบบให้สภาพัฒน์จีนออกหนังสือรับรองบริษัทที่จะเป็นคู่สัญญากับไทย เพื่อดำเนินการก่อสร้าง
และอีกหนึ่ง การเคลียร์พื้นที่ที่เป็นของ ส.ป.ก. หรือป่าสงวนฯ
ทั้งนี้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวระบุอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะพิจารณาออก ม.44 ตามมาตรการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
รัฐบาลหวังว่า ม.44 จะเป็น “มนต์” เสกเป่าให้อุปสรรครถไฟฟ้าไฮสปีดไทย-จีน หมดไป
หวังว่ากระทรวงคมนาคมจะเปลี่ยนจากอาการ “ลังเล” เป็น “ทุ่มเท” เพื่อให้โครงการนี้เกิด
หวังว่า ผลจากการดำเนินการจะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน มั่นคงแน่นแฟ้น
ถ้าทำจนรถไฟฟ้าไฮสปีดไทยเริ่มต้นนับหนึ่งได้
ถ้าทำให้อุปสรรคที่ขัดขวางไฮสปีดหมดไปได้
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็จะมีโอกาสได้ทั้งผลงานในประเทศ
และยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ 2 ชาติไทย-จีนอีกด้วย