ทิ้งไพ่ การเมือง หนุน ประยุทธ์ คสช. สุเทพ ณ กปปส.

การออกโรงล่าสุดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไม่เพียงแต่

1 สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

หากแต่ยังเป็นการสนับสนุนบนพื้นฐานเพราะ 1 เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ งานปฏิรูปประเทศต้องทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 4-5 ปีถึงจะสมบูรณ์

เป็นการประกาศ “อย่างไม่เหนียมอาย และไม่ลังเล”

Advertisement

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศ ไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2561 ตามวาระ 4 ปี

หากมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากเดือนพฤษภาคม 2561 ถึงเดือนพฤษภาคม 2565

คำประกาศนี้จึงมิได้ส่งถึง “มวลมหาประชาชน” เท่านั้น

ที่สำคัญเป็นอย่างมากย่อมเท่ากับเป็นการประกาศต่อพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์

ต้องยอมรับว่าท่วงทำนองของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้เป็นท่วงทำนองอย่างธรรมดา ตรงกันข้าม เขาหวนกลับไปสวมวิญญาณเหมือนเมื่อเดือนมกราคม 2557 อีกครั้ง

นั่นก็คือเมื่อตอน “ชัตดาวน์”

เพียงแต่ตอนนั้นเป็นการประกาศ “ยึดอำนาจ” ทางการเมืองจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะที่ในเดือนมิถุนายน 2560 เป็นการประกาศ “สืบทอดอำนาจ” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “คสช.”

เท่ากับเด่นชัดยิ่งใน “ภารกิจ” ทาง “การเมือง”

เด่นชัดว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในนามเลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไม่ได้มีทิศทางเป็นอย่างเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์

หากพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

ท่าทีนี้ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำเป็นต้องคิดหนัก

ประเมินจากคำกล่าวที่ว่า “จะไปยึดพรรคประชาธิปัตย์ทำไม มีแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มายกมือไหว้บอกว่าช่วยมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน” และยืนยัน “ผมยังไม่เอา”

เมื่อประสานเข้ากับคำกล่าวที่ว่า “ถ้าเพื่อนๆ พี่น้อง 7-8 คน ที่กลับพรรคไปพร้อมกับแนวคิดใหม่ที่ได้เรียนรู้จากเวลา 204 วัน แล้วเอาไปเผยแพร่ในพรรคจนทำให้คนในพรรคมีแนวความคิดใหม่ๆ ตามไปด้วย

“นี่ไม่ใช่การยึดพรรค แต่เป็นการปรับแนวความคิด”

ก็จะประจักษ์ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่หวนกลับไปอยู่หรือยึดพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอนเพราะ “ภารกิจ” นี้เป็นของ 7-8 แกนนำ กปปส.ที่หวนคืนเข้าพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า

นี่จึงเป็น “คำชี้แนะ” อันทรง “ความหมาย”

1 เท่ากับเตือนให้ 7-8 แกนนำ กปปส.นึกถึง 204 วันแห่งการเคลื่อนไหวก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 1 เท่ากับเตือน “พรรคประชาธิปัตย์”

เตือนให้ตระหนักต่อแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องเกิดตามมา และการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือการก้าวไปอยู่ในสถานะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ

นี่คือ “หัวเลี้ยวหัวต่อ” อันเป็น “จุดตัด” แหลมคมยิ่งในทางการเมือง

ความตรงไปตรงมาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเรื่องน่าชมเชย นี่คือจุดเด่นอันเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ไม่อ้อมค้อม วกวน

นี่คือจุดต่างระหว่างนักการเมืองจากพุนพินอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับนักการเมืองจากออกซ์ฟอร์ดอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ใครจะชนะ ใครจะแพ้ อ่านไม่ยาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image