ทำไมจึงต้องอบรม โดย ดร.ธวัชชัย พิกุลแก้ว

การฝึกอบรมจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการปัจจุบันเกือบทุกหน่วยงาน มีทั้งเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตำแหน่งและหลังการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ส่วนการเข้าสู่ตำแหน่งของแต่ละหน่วยงานนั้นจะเป็นไปตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับของข้าราชการแต่ละประเภท

สำหรับครั้งนี้จะเขียนถึงการเข้าสู่ตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ

การเข้าสู่ตำแหน่งของข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการนั้นจะเกี่ยวข้องกับการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดเกือบทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะก่อนเข้าสู่ตำแหน่งหรือหลังเข้าสู่ตำแหน่งแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงาน

ในกระทรวงศึกษาธิการมีข้าราชการตามการบริหารบุคลากรเป็น 2 ประเภท

1.ข้าราชการพลเรือนใช้กฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

ADVERTISMENT

2.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใช้กฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553

ข้าราชการพลเรือนในกระทรวงศึกษาธิการนั้นจะมีเฉพาะในกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น ส่วนภูมิภาคหรือสถานศึกษาจะเรียกว่า บุคลากรทางการศึกษา (ข้าราชการพลเรือนเดิมที่อยู่ในภูมิภาค) ข้าราชการพลเรือนจะมี 4 ประเภท คือ ประเภทผู้บริหาร ประเภทผู้อำนวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป

การอบรมตามหลักสูตรจะเกี่ยวข้องอย่างมากกับการเข้าสู่ผู้บริหารระดับสูง (ระดับ 10 และ 11) ผู้บริหารระดับต้น (ระดับ 9) และผู้อำนวยการระดับสูง (ระดับ 9) การเข้าสู่ตำแหน่งโดยเฉพาะผู้บริหารระดับต้น เช่น ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการขององค์กรหลักหรือบริหารระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการขององค์กรหลัก และรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รองเลขาธิการองค์กรหลัก จะต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กำหนดจึงจะเข้าสู่ตำแหน่งได้ ซึ่งผู้ที่ไม่ผ่านการอบรมจะมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งน้อยมาก โดยเฉพาะข้าราชการส่วนภูมิภาคที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนจะผ่านการอบรมตามที่ ก.พ.รับรองนั้นมีน้อยมาก

สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา การเข้าสู่ตำแหน่งโดยเฉพาะผู้บริหาร เช่น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด หรือตำแหน่งผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ในส่วนภูมิภาค จะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเมื่อมีการสอบได้ก็เข้าสู่ตำแหน่งได้ทันที และไปอบรมหลังสอบได้แล้ว จึงทำให้มีความยุติธรรมพอสมควร ถ้าได้หน่วยงานที่ดำเนินการสอบแบบสุจริต ยุติธรรม แต่ถ้าผู้บริหารส่วนภูมิภาคจะไปเป็นผู้บริหารในกระทรวงศึกษาธิการ ก็ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรองก่อน

ปัจจุบัน ก.พ.ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการได้จัดหลักสูตรการอบรมโดยให้สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษาดำเนินการร่วมกับ ก.พ. เพื่อการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นและระดับสูงต่อไป

ผู้เขียนได้เสนอมาข้างต้นนั้น การอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรองโดยราชการจะจัดให้ โดยพิจารณาผู้สมัครเข้ารับการอบรม มีหลักเกณฑ์คัดอย่างไรที่ผู้เขียนไม่อาจทราบได้ แต่ผู้ที่ไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับการอบรมที่มีโอกาสน้อยที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นเพราะไม่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรอง แต่การเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านี้ คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งข้าราชการที่ทำงานส่วนใหญ่ก็เป็นข้าราชการพลเรือน ไม่ได้มีหลักสูตรของตนเอง ต้องอาศัย ก.พ.ตลอด จะมีหลักสูตรตนเองก็เพียงเตรียมความพร้อมหลังมีการประกาศผลการคัดเลือกแล้วเท่านั้น

สรุปและข้อเสนอแนะ

1.การอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรองก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง โดยมากจะเป็นผู้บริหารระดับต้นและผู้บริหารระดับสูงตามกฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

ข้อดี

1.1 จะได้บุคคลที่ได้รับคัดเลือกและผ่านการอบรมมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์เป็นที่รู้จักของผู้บังคับบัญชาที่คัดเลือกมา

1.2 การเข้าสู่ผู้บริหารระดับต้นและระดับสูง จะเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการพลเรือนในกระทรวงศึกษาธิการและข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ย่อมต้องมีเกณฑ์คัดเลือกที่ชัดเจนเพื่อกันการแทรกแซงจากการเมืองและแทรกแซงจากการเล่นพรรคเล่นพวก

ข้อเสีย

1.1 ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ที่ไม่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรอง จะขาดโอกาสการเข้าสู่ตำแหน่ง ทำให้ระบบข้าราชการของประเทศไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ประเทศที่เจริญแล้วจะไม่กีดกันเรื่องนี้

1.2 งบประมาณจะเสียไปในการอบรมตามหลักสูตร เพราะผู้เข้ารับการอบรมก็มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่ควรใช้งบประมาณของรัฐ ควรจ่ายเองจะดีมาก คนที่ไม่ได้รับการอบรมก็จะไม่น้อยใจ

สรุป ควรยกเลิกเกณฑ์การแต่งตั้งผู้บริหารระดับต้นและระดับสูงที่ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.พ.รับรอง ส่วนหลักสูตรการอบรมก็ให้มีต่อไปโดยให้งบประมาณได้เพราะไม่เกี่ยวกับการเข้าสู่ตำแหน่ง จะทำให้คนที่ไม่ได้รับการคัดเลือกมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งได้ และจะเพิ่มโอกาสคนเก่ง คนดี คนมีความสมารถมากขึ้นกว่าเดิม และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนก็จะเป็นสากลมากขึ้น

การอบรมหลังเข้าสู่ตำแหน่งหรือหลังจากการได้รับคัดเลือกแล้ว ผู้เขียนสนับสนุนเพราะจะได้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงาน ทั้ง ก.พ.และ ก.ค.ศ.ควรมีหลักสูตรมากขึ้นและควรมีงบประมาณอย่างเพียงพอไม่ว่าจะศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ

กระทรวงศึกษาธิการควรมีองค์กรบริหารบุคคลองค์กรเดียว จะเป็นข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก็ได้ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงสุด ปลัดกระทรวงศึกษาธิการลงมา ควรอยู่องค์กรบริหารบุคคลเดียวกันจะดีมาก จะได้มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลายการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ

การอบรมตามหลักสูตรนั้นมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ถ้าการอบรมนั้นไม่ได้รับรองว่าอบรมแล้วจะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ทั้งที่ได้งบประมาณของรัฐ แต่การเข้าสู่ตำแหน่งต้องมีความพยายามทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีการประเมินผลงานที่ชัดเจนและเชิงประจักษ์ไปสู่ตำแหน่งที่สูงได้ ไม่ใช่ไปเอาใจเจ้านายก็เข้าสู่ตำแหน่งสูงได้ ถ้าการเข้าสู่ตำแหน่งตามผลงานและความสามารถจะทำให้ขวัญกำลังใจของข้าราชการดีขึ้น แย่งกันทำผลงานในการปฏิบัติราชการดีที่สุดไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นต่อไป