กระแทกใจ โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล มุ่งกระแทกกลาง ในปาฐกถา “ทิศทางการเมืองไทยกับสังคม 4.0” ในงานสัมมนา Direk’s Talk ที่คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์

ด้วยการระบุถึง “ความแจ่มชัด” ที่ “ชนชั้นนำภาครัฐ” กำลังปฏิบัติการ “ทวงคืนและรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวทีอำนาจไว้อย่างถาวร” อย่างจริงจัง

ผ่านรัฐธรรมนูญ และกลไกอื่นๆ

ไม่ว่าการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งให้เป็นระบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” เพื่อจำกัดอิทธิพลของพรรคใหญ่

Advertisement

ทำให้เกิดรัฐบาลผสม

จำกัดอำนาจของนักการเมืองและพรรคลง

ขณะเดียวกันเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ ให้ชนชั้นนำภาครัฐอย่างเต็มที่

Advertisement

เช่น เปิดกว้างให้เข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและกลไกควบคุมต่างๆ

ให้ ส.ว.ชุดแรกมาจากการแต่งตั้งโดยตรงจากการแต่งตั้งโดย คสช.

โดยมีอำนาจร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร ในการรับรองหรือไม่รับรองผู้ที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายกฯเป็นบุคคลนอกรายชื่อพรรคการเมืองก็ได้

ขณะเดียวกัน เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ก็ให้จับตา พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ กับ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์

เพราะนั่นจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบทอดนโยบาย คสช.

โดยหวังจะตรึงโครงสร้างอำนาจไว้ที่ชนชั้นนำของภาครัฐไม่ต่ำกว่า 9-10 ปี

พูดไป ไม่พ้นสัปดาห์

สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ?. และร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.?ไปเรียบร้อย

ฉบับแรกจะทำให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมา

ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมาย

ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย

และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน 17 คน

สรุปเราจะมี 34 อรหันต์ ขึ้นมาวางยุทธศาสตร์ของชาติ

ส่วนฉบับที่สอง จะทำให้เรามีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ จำนวน 11 ด้าน

1.ด้านการเมือง 2.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 3.ด้านกฎหมาย 4.ด้านกระบวนการยุติธรรม 5.ด้านการศึกษา

6.ด้านเศรษฐกิจ 7.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8.ด้านสาธารณสุข 9.ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ 10.ด้านสังคม และ 11.ด้านอื่นตามที่ ครม.กำหนด

ด้านละไม่เกิน 13 คน

มีวาระการดำรง 5 ปี

ทำให้เราจะมีอีก 143 อรหันต์ ขึ้นมาปฏิรูปประเทศ

ตามคำอธิบายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติจะติดตามหรือมอนิเตอร์ไปเป็นเวลา 5 ปี

ใครไม่ปฏิบัติตาม ฝ่าฝืน ทำผิด หรือขัดแย้ง

มีโทษถึงขั้นติดคุก และต้องถูกถอดถอน

รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถูกโซ่ใหญ่ล่ามไว้อีก 2 โซ่

และดูพิลึกพิลั่น ที่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะผู้บัญชาการเหล่าทัพจะมาชี้นิ้วสั่งให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องทำตามยุทธศาสตร์ที่ตนเองวางไว้

แต่กระนั้นแหละ เมื่อเป้าหมายอยู่ที่การ “ทวงคืนและรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวทีอำนาจไว้อย่างถาวร”

จะให้แปลก พิสดารอย่างไร เราก็จำเป็นที่จะต้องอยู่กับมัน

ไม่มีทางเลือก

อย่างกับอยู่ในหนัง เดอะ ก็อดฟาเธอร์

นี่คือ “ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้”

จริงหรือไม่

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ถามกระแทกใจ นักการเมือง นักวิชาการ ปัญญาชน ประชาชน ให้ช่วยกันไตร่ตรอง!

………………….

 

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image