ไม่ว่าคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าคำกล่าวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงทิศทางทางการเมืองในอนาคต
น่าสนใจ
“อย่ามากังวลกับผมว่าจะอยู่ต่อหรือเปล่า หรือตั้งพรรคหรือเปล่า สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเองว่าเราควรจะทำอย่างไรในอนาคต”
หากไม่น่าสนใจคงไม่มี “คำถาม”
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นยังเป็น กระบวนการ “ตีความ” ผ่านพาดหัวตัวไม้ของสื่อประเภทหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ
เนื่องจากแตกออกเป็น 2 แนว
แนว 1 ระบุออกมาว่าเป็นการส่ง “ซิก” อันมาจากคำเต็มในภาษาไทยอังกฤษว่า “SIGNAL” แนว 1 ระบุว่าเป็นการ “กั๊ก” อันเป็นภาษาในเรื่องการเล่นถั่วโป
จะเข้าใจได้ก็ต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริง
ความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในคำกล่าวของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินไป 2 ระดับ
1 ระดับปรากฏการณ์ 2 ระดับของแท้
ประโยคที่ว่า “สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัด” ดำเนินไปทั้งในลักษณะส่งซิกและแทงกั๊ก ประโยคที่ว่า “เราต้องคาดหวังแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ทำได้สำเร็จ อย่าไปคิดว่าจะต้องทำโน่นทำนี่ให้สมาธิเสีย วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชน” ดำเนินไปทั้งในลักษณะแทงกั๊กและส่งซิก
คำกล่าวเหล่านี้เสมอเป็นเพียงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์
แต่ก็เป็นเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ อันสะท้อนวิธีคิดแบบ “นักการเมือง” อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า “สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัด” อันเป็นการเบิกโรง นำร่อง
แต่บทสรุปก็คือ “วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชน”
นั่นก็คือ หากวันข้างหน้า ผลงานและความสำเร็จนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นผลสำเร็จ เป็นที่ต้องตาต้องใจ ประชาชนก็ย่อมเรียกร้องต้องการ
เรียกร้องต้องการให้อยู่ต่อไป
คําว่า “วันหน้า” กับคำว่า “อนาคต” คือคำที่สะท้อนความหมายอย่างเดียวกัน น้ำหนักเน้นไปที่ผลงานความสำเร็จ น้ำหนักเน้นไปที่ทางเลือกของประชาชน
เด่นชัดยิ่งว่าเป็นทางเลือกที่ลอยตัวเหนือ “การเลือกตั้ง”
ตรงนี้มีความสำคัญและแทบไม่จำเป็นต้องส่ง “ซิก” หรือแทง “กั๊ก” เพราะเด่นชัดอย่างยิ่งว่าไม่มีความจำเป็นในเรื่องการตั้ง “พรรคการเมือง”
เพราะมีลูกแหล่ง ตีนมือ ได้ตระเตรียมไว้แล้ว
ตระเตรียมไว้โดย “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” ตระเตรียมไว้โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็น กรธ. ไม่ว่าจะเป็น สนช.
ตระเตรียมไว้โดย “พรรคการเมือง”
ที่เด่นชัด 1 คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผ่านพรรคปฏิรูปประเทศไทย ที่เด่นชัด 1 คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศแนวทางต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในระยะเปลี่ยนผ่าน
ปัจจัยทั้งหมดนี้ต่างหากที่จะต้องขับเคลื่อน
ความจริง เพียงมองผ่าน “รัฐธรรมนูญ” เพียงมองผ่าน “กฎหมายลูก” ก็สามารถพบ “คำตอบ” ในเรื่องอนาคตทางการเมืองได้
แล้วทำไม “นักข่าว” ต้อง “ถาม”
คำตอบก็คือ สังคมต้องการได้ยินคำตอบที่แน่ชัดจากปาก ไม่ว่าจะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมื่อเอย ก็ เมื่อนั้น
