ตอนที่ 3 แนวทางการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร หน่วยงานหรือองค์กรของรัฐและธุรกิจเอกชน
แนวทางการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร
เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรต้องทำการเกษตรแบบผสมผสาน หรือไร่นาสวนผสม โดยทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ โดยเป็นการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ และจำแนกการใช้พื้นที่ดินเพื่อการเกษตรที่หลากหลายและผสมผสาน โดยเกษตรกรมีการพัฒนาการเกษตรทฤษฎีใหม่เป็น 3 ขั้นตอนคือ
ขั้นที่ 1 การผลิตเพื่อพออยู่ พอกิน และพอเพียง โดยต้องมีข้าวและอาหารบริโภคอย่างเพียงพอในครัวเรือน บนพื้นฐานของการประหยัด ลดการใช้จ่าย โดยแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วน คือ
ส่วนแรก ประมาณร้อยละ 30 เป็นพื้นที่ขุดสระเก็บกักน้ำ โดยเฉพาะในฤดูฝน
ส่วนที่สอง ประมาณร้อยละ 30 เป็นพื้นที่ปลูกข้าวในฤดูฝน
ส่วนที่สาม ประมาณร้อยละ 30 ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอย พืชผักสวนครัว สมุนไพร เพื่อเป็นอาหาร หากเหลือจึงนำไปจำหน่าย
ส่วนที่สี่ ประมาณร้อยละ 10 ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์และโรงเรือนอื่นๆ
หัวใจสำคัญที่สุด ต้องมีน้ำ และมีระบบน้ำที่ควบคุมให้มีการหมุนเวียนใช้เพื่อการเกษตรและการบริโภคอย่างต่อเนื่อง
ขั้นที่ 2 การร่วมพลัง ร่วมแรง ร่วมใจในรูปกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ เป็นทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้าที่มีการรวมกลุ่มที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างเพื่อนบ้าน ชุมชน โดยมีการร่วมมือในการผลิต การหาเมล็ดพันธุ์ การรวบรวมพันธุ์พืช การเพาะปลูก การตลาด การจัดหายุ้งฉาง การสีข้าว การขายผลผลิต การร่วมกันดูแลชุมชน สวัสดิการ การจัดกองทุนหรือการออมหรือสหกรณ์ การบริการสาธารณสุข การศึกษาของเยาวชน และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาต่างๆ
ขั้นที่ 3 การประสานงาน ความร่วมมือและจัดหาแหล่งทุนจากภายนอกชุมชน เป็นทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้าสู่ภายนอกชุมชน เพื่อร่วมมือกับส่วนราชการ องค์การเอกชน ธนาคาร ในด้านเงินทุน การผลิต การตลาด การจัดการ และข่าวสารข้อมูล เพื่อช่วยเหลือในการประกอบอาชีพและการจัดหาเงินทุน
แนวทางการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐและธุรกิจเอกชน
แนวทางการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐ
1) การบริหารจัดการในภาพรวม
⦁ ผู้บริหารใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกำหนดเป็นวิสัยทัศน์ในการพัฒนาองค์กรหรือหน่วยงานของตนเอง โดยสื่อสารให้คนในองค์กรมีความเข้าใจและพัฒนาร่วมกัน
⦁ เน้นให้คนในองค์กรหรือหน่วยงานนำหลักปรัชญามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ในการดำเนินงานและการประเมินผลการดำเนินงานตามหลักปรัชญา ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่ในการกำกับ การดำเนินงาน และการประเมินผล
⦁ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การจัดสรรกำลังคนให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพ การสร้างบรรทัดฐานและค่านิยมให้สอดคล้องกับหลักปรัชญา การวางแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีขีดความสามารถตามเป้าประสงค์ขององค์กร การปลูกฝังแนวคิดตามหลักปรัชญา เป็นต้น
2) การประยุกต์ใช้ในแต่ละหลัก ดังนี้
⦁ มีความพอประมาณ อาทิ
การตั้งเป้าหมายในการบริหารงานต่างๆ ให้มีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ไม่สุดโต่ง / การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรหรือหน่วยงานต้องเป็นไปในแนวทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่า โดยใช้หลักความพอประมาณในการลงทุนภาครัฐ / การใช้ทรัพยากรทุกภาคส่วนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
⦁ ความมีเหตุผล อาทิ
การจัดทำแผนงานและโครงการที่มีความเป็นไปได้ ตามงบประมาณที่มีอยู่หรือคาดว่าจะได้รับ / ใช้งบประมาณตามแผนโดยประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และมีความคุ้มค่า / มีการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบและมีความยั่งยืน โดยอาศัยหลักวิชาการต่างๆ เป็นต้น
⦁ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี อาทิ
มีระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการที่ดำเนินการ / มีแผนบริหารหรือลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน / มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าประสงค์ให้เกิดความมั่นคง สมดุล และยั่งยืน เป็นต้น
⦁ การมีความรู้ อาทิ
เข้ารับการฝึกอบรมและสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ภายในองค์กร/หน่วยงาน / มีการบูรณาการภารกิจ หรือแผนงาน/โครงการ ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน/องค์กร / มีการวิจัยและพัฒนาองค์กรตามความจำเป็น เป็นต้น
⦁ การมีคุณธรรม อาทิ
การบริหารงานและการจัดการโดยยึดหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความซื่อสัตย์สุจริต การมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชน การมีและการใช้กฎระเบียบที่มีความเป็นธรรม ฯลฯ / การบริหารงานและปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล / การเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ยึดผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก เป็นต้น
องค์กรหรือหน่วยงานมีการบริหารงานและปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่มีความต่อเนื่อง ผนึกกำลังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามแผนงานอย่างแท้จริง เป็นต้น
แนวทางการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในภาคธุรกิจเอกชน
1) การประยุกต์ใช้ในภาพรวมของการดำเนินธุรกิจ อาทิ
⦁ ในการบริหารจัดการให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นในองค์กรทางธุรกิจเพื่อกำกับการดำเนินงานตามหลักปรัชญา และทำหน้าที่ติดตามและประเมินผลด้วย
⦁ มุ่งดำเนินธุรกิจที่หวังผลประโยชน์ ผลตอบแทน หรือกำไรในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
⦁ แสวงหาผลตอบแทนบนพื้นฐานของการแบ่งปันตามความเหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และผู้บริโภค
⦁ ขยายธุรกิจและการตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีการเรียนรู้การผลิต การตลาด และศึกษาคู่แข่งอย่างถ่องแท้
⦁ ผลิตในสิ่งที่ตนเองถนัดหรือชำนาญ และทำตามกำลังหรือศักยภาพของตนเอง
⦁ มีความซื่อสัตย์สุจริตและรับผิดชอบต่อสังคมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2)การประยุกต์ใช้ปรัชญาในแต่ละหลัก
⦁ มีความพอประมาณ อาทิ
มุ่งดำเนินธุรกิจที่หวังผลประโยชน์หรือผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น บนพื้นฐานของการแบ่งปันและมุ่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม / มุ่งบริหารจัดการทั้งการผลิตและการตลาดโดยการพึ่งพาตนเองและหน่วยงานภายนอกที่เป็นพันธมิตรกัน / ขยายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความถนัดหรือเชี่ยวชาญของตนเอง เป็นต้น
⦁ ความมีเหตุผล อาทิ
มีระบบงานและการพัฒนาที่สอดคล้องกับภูมิสังคมของประเทศไทย (ภูมิประเทศของบริเวณนั้น เช่น ดิน น้ำ ป่า เขา ฯลฯ และนิสัยใจคอของผู้คนตลอดจนวัฒนธรรมและประเพณีของท้องถิ่น) / จัดโครงสร้างองค์กรที่มีความพอเพียงและเรียบง่าย / ไม่ส่งเสริมให้คนในองค์กรมีพฤติกรรมแบบบริโภคนิยมหรือไม่พอเพียง / ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ / มีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด / มีการวิจัยและพัฒนาธุรกิจของตนเอง เป็นต้น
⦁ การมีภูมิคุ้มกัน อาทิ
ใช้เทคโนโลยีที่เกิดจากภูมิปัญญาภายในธุรกิจของตนเองหรือภายในท้องถิ่น ในการพัฒนาธุรกิจ / พัฒนานวัตกรรมในทุกมิติขององค์กร ไม่ว่าด้านการผลิต การตลาด หรือการบริการที่เกี่ยวข้อง / บริหารความเสี่ยงด้วยการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การตลาดที่หลากหลาย เป็นต้น
⦁ การมีความรู้ อาทิ
การฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ ให้แก่พนักงาน / การส่งเสริมให้พนักงานรู้ข้อมูลข่าวสาร ด้านการผลิตและการตลาด / การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการของธุรกิจ เป็นต้น
⦁ การมีคุณธรรม อาทิ
ให้อิสระกับพนักงานให้ทำหน้าที่หรือปฏิบัติงานตามศักยภาพของพนักงาน / ดูแลสวัสดิการและค่าจ้างของพนักงานให้มีความเหมาะสมกับการครองชีพ และเป็นธรรม / ส่งเสริมวัฒนธรรมขององค์กรให้มีจริยธรรม คุณธรรม ความอดทน ขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นค่านิยมพื้นฐาน
ส่งเสริมและสนับสนุนให้การดำเนินงานของธุรกิจและพนักงานมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ โดยมีการติดตามและประเมินผลเป็นต้น